เล่าเรื่องผี ตำนานเฮี้ยนมหาวิทยาลัย
10. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่)
เรื่องเล่าขนหัวลุก กับเรื่องผีในมหาวิทยาลัย 11 แห่ง ขึ้นชื่อชวนขนหัวลุก จากปากคำศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ช่วยเล่าขาน ว่าแต่ตำนานผีในมหาวิทยาลัยไหนหลอนที่สุด ตามไปอ่านกันเลยค่ะ
ว่ากันว่าผีและวิญญาณล้วนมีแฝงตัวอยู่ทุกถิ่นที่ และหนึ่งในสถานที่ที่มีการเล่าขานตำนานผี ๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งก็คือ "มหาวิทยาลัย" ซึ่งมีหลายมหาวิทยาลัยที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงเรื่องราวลี้ลับชวนขนหัวลุกเล่าต่อกันมา และวันนี้กระปุกดอทคอมขอนำ เรื่องสยองขวัญในมหาวิทยาลัยไทย (อัพเดทใหม่) จาก คุณ SteeL14s สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งคุณ SteeL14s ได้ตระเวนสัมภาษณ์จากปากคำบรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ มาโดยตรงเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ตำนานไหนเล่าต่อ ๆ กันมาในอินเทอร์เน็ตจนไม่รู้ก๊อบปี้ไปก๊อบปี้มากันกี่ต่อจะไม่ขอพูดถึง จึงรับประกันเรื่องราวจากบรรทัดนี้ไปคือความสยองขวัญที่เหล่าคนมีเซ้นส์ต่างช่วยเข้ามาคอนเฟิร์มแล้วว่า "ของเขาแรงจริง ๆ"
อย่างไรก็ดี คุณ SteeL14s ได้ขออภัยไว้ล่วงหน้า หากว่าเรื่องราวหรือการกระทำใด ๆ ในคลิปวิดีโอชุดมหาวิทยาลัยสยองขวัญนี้ อาจทำให้ผู้ที่รักและผูกพันกับมหาวิทยาลัยไม่พอใจ ซึ่งที่คุณ SteeL14s เขียนเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแต่อย่างไรทั้งสิ้น ถ้าคุณพร้อมแล้ว ก็เชิญไปรับฟังเรื่องเล่าสยองขวัญในรั้วมหาวิทยาลัยกันเลย
10. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่)
มอ.หาดใหญ่นี่ นอกจากจะเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว ยังเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดอีกด้วยนะครับ (เช่นกันครับ ที่นี่คือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้) เพราะงั้นเรื่องคนเจ็บคนตายนี่หายห่วง มีมาให้เห็นกันทุกวัน
- ด้ายแดง
เริ่มกันที่ ตึก MNL ครับ เป็นตึกสำหรับวิชากายวิภาคศาสตร์ ก็แปลว่าเป็นตึกที่ใช้เก็บรักษาร่างของอาจารย์ใหญ่นั่นเอง (อาจารย์ใหญ่ หมายถึงศพที่นักศึกษาแพทย์ใช้ทำการเรียนการสอนเกี่ยวกับกายวิภาคครับ ใช้ทำการผ่า ทำการศึกษาผ่านร่างกายจริง นักศึกษาจึงเรียกร่างเหล่านี้ว่าอาจารย์ใหญ่ ในฐานที่อุทิศร่างกายให้พวกเค้าได้เรียนรู้ ว่ากันว่าใครที่บริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่นี่จะได้บุญน่าดู) สำหรับตำนานของตึกนี้เค้าก็เล่ากันมาว่า...
เคยมีนักศึกษาปี 1 ครับ ก็มาเรียนที่ตึกเป็นวันแรก ไปถามยามว่าลิฟต์อยู่ทางไหน ยามก็บอกทางไปตามปกติ ก่อนจากนักศึกษาคนนั้นสังเกตเห็นว่า ที่ข้อมือของยามคนนี้ มีด้ายสีแดงผูกอยู่ เป้าหมายของนักศึกษาคนนี้อยู่ที่ชั้น 5 ครับ ก็กดลิฟต์เปิดเข้าไป กดชั้น 5 แต่ลิฟต์กลับไปเปิดที่ชั้น 2 (ชั้น 2 จะเป็นชั้นที่ใช้เก็บร่างอาจารย์ใหญ่ครับ ซึ่งตอนนั้นไอ้น้องคนนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่รู้เรื่อง มาเสียวแทบช็อกเอาตอนรู้ทีหลัง ว่าทำไมลิฟต์ถึงได้จอดชั้นนั้น) เรียนเสร็จลงมาก็ไม่เจอยามคนนั้นแล้วครับ และก็ไม่เคยได้เจอแกอีกเลยไม่ว่าจะกลับไปเรียนที่ตึกอีกกี่ครั้ง จนในที่สุด ก็ได้มารู้ความจริงจากปากรุ่นพี่ว่า ที่ตึก MNL ไม่เคยมียามประจำการอยู่ (!?) ก็งงสิครับ แล้วยามคนที่เค้าเห็นคืออะไร ก็เลยเล่าให้รุ่นพี่ฟัง จนมาได้รู้ความจริงว่า การผูกด้ายสีแดงที่ข้อมือน่ะ คนเป็นจะไม่ผูกกัน ด้ายแดงจะใช้สำหรับผูกข้อมืออาจารย์ใหญ่ (ผมได้ไปสถานที่จริงมาด้วยนะครับ กลางคืนเข้าไม่ได้ เลยต้องกลับไปอีกทีตอนกลางวัน ไปเดินชั้น 2 มา รอบๆสองข้างทางก็แบ่งเป็นห้อง ๆ ล่ะครับ แอบเห็นห้องปฏิบัติการแวบนึงด้วย (ห้องผ่า) บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบแบบพิลึก ๆ ชวนวังเวงโดยไม่มีเหตุผล)
- ตึกฟักทอง
มากันที่ภาคเคมีของคณะวิทยาศาสตร์ครับ ที่นี่จะมีตึกที่เปรียบเป็นดั่งสัญลักษณ์ ของมหาลัย คือตึกฟักทอง (ตามชื่อเลยครับ ตึกจะมีรูปร่างเป็นฟักทอง) ตึกฟักทองนี่มีตำนานด้วยนะครับ เห็นว่าถ้าเด็ก ม.6 เตรียมเอนท์มาเดินนับกลีบ เค้าว่าจะเอนท์ไม่ติด ขณะเดียวกันถ้าเป็นนักศึกษาของมหาลัย มาเดินนับกลีบก็จะเรียนไม่จบ ห้องหับใต้ตึกฟักทองจะเรียกเป็น L1-L5 ทั้ง 5 ห้องนี้จะมีม่านเป็นสีน้ำเงินหมดครับ แต่จะมีเพียงห้องเดียวที่มีม่านเป็นสีดำ ว่ากันว่าเคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยเสียชีวิตลงที่ห้องนั้น ทางคณะก็เลยไว้อาลัยให้ ด้วยเปลี่ยนม่านเป็นสีดำ (ใครเรียนอยู่ที่นั่น ว่าง ๆ ลองไปเดินสำรวจดูนะครับ ผมไปมาละ มีห้องหนึ่งม่านสีต่างจากห้องอื่นจริง ๆ) ใต้ตึกฟักทองนี่ก็ตำนานเยอะพอตัวเลยครับ ทั้งว่าหากไปอ่านหนังสือวิชาเคมีตอนดึก ๆ แล้วจะมีวิญญาณอาจารย์วิชาเคมีที่เสียไป มาสอนพร้อมสมุดปกสีแดง (ตอนไปนี่เจอคนนึงครับ เล่าให้ฟังว่าเคยนั่งอ่านหนังสือดึก ๆ แล้วเห็นควันลอยออกมาจากเสาไม้)
- ควนมดแดง
คำ ว่าควน สำหรับคนใต้ก็หมายถึงเนินเตี้ย ๆ ครับ ที่ตึกวิศวะจะมีถนนเส้นเล็ก ๆ เส้นหนึ่ง มุ่งไปยังเนินที่เรียกว่า "ควนมดแดง" ระหว่างถนนสองข้างทางก็ป่ารกทึบล่ะครับ มาตอนกลางคืนมองไปไม่เห็นอะไรเลย ตำนานที่ควนมดแดงนี่น่ากลัวนะครับ ฟังแล้วไม่กล้าไปลองคนเดียวเหมือนกันจ๊ะ นักศึกษาที่ มอ. เล่าให้ฟังครับ ว่าเคยมีรุ่นพี่กลับจากเตะบอลตอนดึก ๆ ก็เดินขึ้นควนมดแดงมา ระหว่างทางก็เป็นป่ามืด ๆ ครับ จะมีแสงไฟก็เพียงจากเสาไฟฟ้า ที่ต้นหนึ่งทิ้งห่างกันพอสมควร และก็ที่เสาไฟต้นที่ 3 นี่ละครับ ที่พี่เค้าเห็นนักศึกษาผู้หญิงคนนึงกวักมือเรียกให้ไปหา พอเดินเข้าไปผู้หญิงคนนี้ก็เงยหน้าที่มีเลือดโชก แล้วก็หายไป
คนเก่าคนแก่เล่าให้ฟังครับ ว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นนักศึกษาที่ถูกคนงานฆ่าข่มขืนสมัยที่สร้างตึกวิศวะฯ ขึ้นมานั่นเอง พวกผมได้ไปลองเดินที่ควนมดแดงที่ว่านี้ด้วยนะครับ ซึ่งสถานที่จริงเปลี่ยวโคตร น้องสาวผมคนนึงก็ได้ไปลองยืนที่เสาไฟต้นที่ 3 มาครับ ไปยืนแล้วก็โบกมือเลียนแบบตามตำนาน ก็ไม่พบอะไรครับ แต่ระหว่างโบกได้ยินเสียงวี้ดแหลมสูงเป็นระยะ ทั้ง ๆ ที่ก่อนไปยืนที่เสาไม่มีเสียงอะไรเลยก็แปลก ๆ นะครับ
ก่อนจะไปถึงเรื่องสุดท้ายผมขอทิ้งไว้ เรื่องครับ ด้วยความที่ มอ. หาดใหญ่มีโรงพยาบาลอยู่ในตัว ก็เลยจะมีเรื่องผีพยาบาล ผีคุณหมอ ผีคนไข้อะไรมากมายครับ ซึ่งหลาย ๆ เรื่องก็สมจริงบ้าง เหนือจริงบ้าง และวิธีที่เค้าว่าถ้าอยากเห็นผีเหล่านี้ ก็ให้ไปตามตึกต่าง ๆ และมองลอดหว่างขาไปที่ดาดฟ้า ถ้าดวงดีจริง ๆ เค้าว่าผีสาวพยาบาลชุดขาวทั้งหลาย จะมีน้ำใจโผล่มาให้เห็นครับ มาถึงเรื่องสุดท้ายแล้วนะครับ ผมว่าตำนานเรื่องนี้ ทุกคนน่าจะเคยมีโอกาสได้ยินกันมาบ้างสักครั้งในชีวิต มาหาดใหญ่ครั้งนี้ผมประทับใจ หลายอย่างครับ ทั้งโรตีทิชชู ทั้งไก่ทอดหาดใหญ่ต้นตำรับ ทั้งร้านน้ำชาที่อลังการมาก แต่ที่ประทับใจที่สุด ก็คือการที่ได้มาลองของกับโคตรผีในตำนานของไทย คุณยายสปีดครับ
ยายสปีดนี่ไปจังหวัดไหน จังหวัดนั้นต้องอ้างว่าจังหวัดตัวเองมียายสปีดครับ แต่ของแท้และดั้งเดิมต้องที่นี่ครับ หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่นี่มีซอย ๆ หนึ่ง ชื่อซอยว่า ซอยคุณยายสปีดครับ ไปไล่สัมภาษณ์มาหลายคน ทุกคนตอบเหมือนกัน ว่าตั้งแต่จำความได้ ก็รู้จักคุณยายสปีดแล้ว เรื่องเล่าเกี่ยวกับวีรกรรมของยายคนนี้แกเยอะมากครับ ทั้งยายเค้าไม่ชอบเสียงท่อเสียงดัง ๆ ยายไม่ชอบเด็กแว้น เข้าซอยยายห้ามขี่เกิน 40 เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเคยบอกไว้ว่า ก็มีเด็กแว้นมาเทสต์รถกัน ก็หมอบมาเลย 120 หันหลังไปมองเห็นคุณยายไล่ตามมาติด ๆ ล้อเลย แต่ยายไม่ได้วิ่งมาครับ ยายคลานมาเพราะยายแกมีแต่ตัว ไม่มีช่วงล่าง (เห็นว่ายายตายเพราะโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนจนตัวขาดครึ่ง) ด้วยเหตุที่เล่ามานี้ล่ะครับ แกจึงถูกเรียกว่า คุณยายสปีด
ซอยยายสปีดนี้ จะเป็นซอยเล็ก ๆ ครับ และในซอยนี่ถนนเรียบมาก เป็นทางยาวตรง เหมาะแก่การนำรถมาแข่งกันอย่างยิ่ง ในซอยนี่ก็บอกเลยว่าสยองมาก จากต้นซอยเราจะพบกับวัดถาวรครับ ซึ่งส่วนของป่าช้าจะติดกับริมถนนพอดี ทั้งโกศ ทั้งกูโบร์นี่เพียบ เลยมาหน่อยจะเป็นวัดจีน ถัดจากวัดจีนก็จะเป็นจุดที่เค้านำศาลมาทิ้งกัน (ตรงนี้กลางคืนนี่โคตรหลอนครับ ทั้งศาลไทย ศาลจีน ตุ๊กตา กุมาร ของไหว้ โอยยย) ตำนานยายสปีดนี้แม้จะมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ แต่ก็ไม่มีใครรู้ที่มาที่ชัดเจนครับ ว่ายายแกเป็นใคร เห็นรู้แต่ว่าแกตายขณะจะเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม (ตอนนี้เป็นโลตัสแล้ว) แล้วยายโดนมอเตอร์ไซค์ที่แข่งกันมาชนเอา
สำหรับผมเองถ้าเป็นเรื่องเล่าที่มีมูลมาขนาดนี้ เล่ากันมาแต่โบราณขนาดนี้ มีสิทธิ์สูงที่เป็นเรื่องจริงครับ คล้าย ๆ เรื่องศาลที่ลาดกระบัง ที่ไม่มีใครรู้ที่มาชัดเจน แต่เล่ากันมานาน ขนาดตำรวจรุ่นเก๋ายังเคยได้ยิน
ที่มา : kapook
เรื่องสยองจากมหาวิทยาลัยดัง
หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย