ประวัติหมอเมท ทศวิวัฒน์ - ผ่าดวง ผ่านตัวเลข www.horonumber.com

 

     

 

ประวัติเส้นทางหมอดู...ของหมอเมท ทศวิวัฒน์

“ผ่าดวง  ผ่านตัวเลข” HORONUMBER.COM

.....................................................................................................................
 

เมื่อเด็ก “เกรียนๆ” พยายาม “เรียน” เป็นหมอดู

 

 

         จุดเริ่มการเดินทางในสายการพยากรณ์ของผม ไม่ได้เกิดเพราะฟ้ากำหนด หรือเพราะพรหมลิขิต  แต่ผมเชื่อว่าทุกๆ อย่างเกิดขึ้นจากความสงสัย และการพยายามค้นหาคำตอบให้ชีวิตตัวเอง จาก “เด็กเกรียนๆที่มองโลกในแง่ร้าย” กลายมาเป็น “หมอเมท ทศวิวัฒน์ ผ่าดวง ผ่านตัวเลข ในปัจจุบัน!! 

          ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปี ก่อนหน้านี้ ในช่วงอายุ ประมาณ ม.2 หรือ ม.3 นี้แหละครับ  โดยบุคลิกภาพภายนอกแล้วผมก็เหมือนเด็กทั่วไป  กิน เที่ยว เล่นเกมส์ เลิกเรียนก็กลับบ้าน -  เช้ามาก็ตื่นไปเรียนตามวัฏจักรของเด็กในวัยนั้น  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกๆคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผม  “เป็นคนมองโลกในแง่ร้าย” ( แบบสุดๆ )

 

รูปหมอเมทสมัยมัธยมต้น
 

          ผมเฝ้าคิดเฝ้าถามตัวเองตลอดในช่วงนั้นว่า  “คนเราเกิดมาทำไม ?”   “เกิดมาแล้วได้อะไร?” และเวลาก็ผ่านไป....จนกระทั่งจบ ม.ต้น ที่ รร.อัสสัมชัญบางรัก และ เข้าเรียนในระดับม.ปลาย ในที่เดิมๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง และคำถามที่ค้างคาใจเหล่านี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา  ทำให้ในช่วงชีวิตใน ม.ปลาย ช่วงแรกๆ  กลายเป็นคนที่เข้าสังคมได้ยาก ไม่ค่อยมีเพื่อนและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่พฤติกรรมเหล่านี้จะถูกซ่อนอยู่ลึก ๆ ถ้าคนที่ไม่รู้จักผมจริงๆ จะคิดว่าผมก็เหมือนเด็ก ม.ปลายทั่วไปอีกเช่นเคย

         มีอยู่วันหนึ่งครอบครัวของผมซึ่งชอบไปดูดวง เช็คดวงอยู่แล้วทุกๆปี  และในครั้งนี้ผมก็ได้ติดสอยห้อยตามเค้าไปอีกเช่นเคย   แต่ครั้งนี้ผมมีจุดประสงค์ที่ผมจะไปอยู่แล้วครับ นั้นก็คือ.....ต้องการที่จะค้นหาคำตอบให้ตัวเองที่ว่า “คนเราเกิดมาทำไม”  และในการดูดวงครั้งนั้นผมก็ได้ขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่ ว่าผมขอดูดวงด้วยและดูคนเดียว  เพื่อที่ผมจะได้ถามหมอดูท่านนั้นในเรื่องที่ผมอยากรู้มาตลอด แต่ในครั้งนั้น และทุกๆครั้ง ทุกๆหมอดู  ท่านก็ยังไม่สามารถตอบให้กระจ่างได้ซักที  และก็ได้เกิดคำถามขึ้นมาอีก 1 ข้อ  จะเรียกว่าเป็นคำถามที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวผมเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ “โตขึ้น ผมต้องทำอะไร” และนี้จะเป็นคำถามหลักที่ผมจะต้องนำไปถามหมอดูทุกครั้งที่ครอบครัวผมตระเวนดูดวงไปในที่ต่างๆ และผมต้องติดตามไปด้วยเสมอ 

 

     

รูปหมอเมทสมัยมัธยมปลาย
 

          คำตอบที่ผมได้รับมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  “อยู่ที่ตัวผม ว่าจะทำอะไร ทำตามใจตัวเองได้เลย  เพราะดวงชะตาผมถูกกำหนดมาแบบนั้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ !!! ”   ผมก็ได้แต่นึกในใจ  “ ถ้าตูรู้แล้วตูจะมาถามหาพระแสง อะไรฟะ !!” เพราะในตอนนั้น ผมไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิต ไม่มีแผนการใดๆเลย คิดแต่ว่าเรียนๆให้มันจบๆ ทำๆให้มันจบๆ ตามคำสั่งคุณพ่อ&คุณแม่ และความฝันของคุณพ่อและคุณแม่ ที่ต้องการเห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิต  ก็แค่นั้น !

           อีกทั้งชีวิตยังไม่มีเพื่อนอีก  โลกในชีวิตตอนต้นของ ม.ปลาย ของผม จึงคล้ายๆ เป็นฝันร้ายที่ผมอยากจะตื่น แต่ก็ไม่รู้จะหาทางตื่นยังไง ใครจะเป็นคนมาปลุกผมจากฝันนี้.......พอเลิกเรียนก็กลับบ้านอ่านหนังสือ  เล่มเกมส์ออนไลน์ เล่นการ์ดเกมส์ บลาๆๆ  และก็ยังคงตั้งคำถามในโลกมืดให้ตัวเองในแบบเดิม ๆ

          และเริ่มมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง สงสัยคงใกล้เวลาที่ผมจะตื่นแล้วหละมั้งครับ ฮ่าๆๆๆๆ  บังเอิญวันนั้นผมได้ไปเดินเที่ยวงานหนังสือ และได้หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เกี่ยวกับการพยากรณ์ และดวงชะตาของมนุษย์  จึงทำให้ผมได้เกิดความสนใจในด้านนี้ขึ้นมาเพียงเพราะมันเกิดคำถามขึ้นมาอีก 1 อย่างในใจนั้นก็คือ  “คนเราสามารถเปลี่ยนดวงตัวเองได้หรือไม่?”  จากเมื่อก่อนหนังสือที่ผมชอบอ่านก็จะเป็นแนวนิทานปรัมปรา   หนังสือเทพนิยายต่างๆ  ก็ได้เบนเข็มทิศหันมาสนใจเรื่องจิตวิทยามากขึ้น  จนวันหนึ่งผมก็ได้หยิบหนังสือการพยากรณ์ไพ่ Tarot ขึ้นมา  จะเรียกว่ามันช่างดูน่าตื่นเต้น และ ท้าทาย หรือ อยากลองก็ตาม  มันก็ทำให้ผมเริ่มศึกษาศาสตร์การพยากรณ์ไพ่ Tarot  เป็นศาสตร์แรก ในตอนนั้น ซึ่ง อายุ 16 ปี เรียนอยู่ประมาณ  ม.4 เท่านั้นเอง ครับ โดยหวังว่าไพ่ Tarot จะช่วยไขปริศนาในใจให้ผม  แต่ก็พบกับความผิดหวังอีกครั้งว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 

 

     

ไพ่ Tarot ส่วนหนึ่ง  ที่หมอเมทได้สะสมตั้งแต่สมันมัธยมปลายจนถึงปัจจุบัน  
 

           แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยทำให้ผมตอบคำถามของผม  แต่ก็มีความสำคัญกับชีวิตของผมในอีกด้านเช่นกัน  ไพ่ Tarot กลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ให้ผมกับเพื่อนๆ ในห้องเรียน  คุณรู้หรือป่าวครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร.... หลังจากหลังที่ผมได้เรียนรู้ไพ่ Tarot มาซักพักก็เริ่มที่จะนำไปทดลองกับเพื่อนๆ ในห้อง ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มมีสังคมกับเค้าบ้างแล้วในฐานะ “พ่อหมอประจำห้อง”  ใครกินไม่ได้  ถ่ายไม่ออก ต้องมาขอให้ผมเปิดไพ่ทำนายดวงให้อยู่ร่ำไป  แต่ก็ดีนะครับ เพราะความคิดแบบโลกมืดเริ่มน้อยลงไปเยอะเลยครับ  นั้นอาจจะเป็นเพราะมีเพื่อนมากขึ้นมั้งครับ  คำถามในใจต่างๆที่ว่า “เกิดมาทำไม” “เกิดมาแล้วได้อะไร” ก็เริ่มจางหายๆไปทุกที ตามระยะเวลาที่ผ่านไป แต่ก็ยังคงคำถามล่าสุดของชีวิตไว้  “ คนเราสามารถเปลี่ยนดวงตัวเองได้หรือไม่?” 

 

หมอเมท ( กลาง ) ถ่ายกับกลุ่มเพื่อนสนิท น่าจะประมาณ ม.5
 

          และตัวผมก็ยังได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆเพิ่มเติมอีกมากมาย เพื่อย้ำหาคำตอบให้คำถามล่าสุดของชีวิตของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยน   โหราศาสตร์ยูเรเนี่ยนประยุกต์  ฮวงจุ้ย เป็นต้น  แต่มันเหมือนกลับมาตอกย้ำซ้ำเติมให้ผมมองโลกร้ายยิ่งขึ้น  เพราะไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ไหนๆ ก็มักจะตอบผมกลับมาว่า “เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต...ลิขิตดวงของเราได้”  เรายังคงต้องใช้ชีวิต  ตามดวงชะตาที่ถูกกำหนดมา  เพียงแต่การเรียนรู้ศาสตร์เหล่านั้นเพิ่มเติม เปรียบเสมือนที่เราได้มีเข็มทิศ สำหรับการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตโดยไม่หลงทาง นั้นเอง+

 

ถ่ายสมัยเรียน ดาว๊องซ์ กับอาจารย์ปิง และเพื่อนสนิท บะจ่าง และ พจน์
 

          จนกระทั่งจบ มัธยมปลายผมได้เข้าศึกษาต่อ ม.อัสสัมชัญ ( ABAC ) ในสาขานิเทศศาสตร์ ซึ่งจุดเชื่อมโยงของผมกับเพื่อนในสังคมมหาวิทยาลัยก็คงหนีไม่พ้น ไพ่Tarot อีกอยู่ดี  เรียกว่าตอนนี้เป็นหมอดูประจำคณะไปแล้ว ( ขยับขึ้นมาอีกนิดจากระดับห้อง ) และเริ่มมีรายได้จากการดูดวงเข้ามาบ้างแล้ว และในช่วงเข้ามหาวิทยาลัยปี 2 ผมเริ่มได้เข้ามารู้จักเรื่องการปรับดวงด้วยเลขศาสตร์ซึ่งมีจุด เริ่มต้นจากเรื่องของ ศาสตร์การตั้งชื่อ - นามสกุล และผมได้เริ่มศึกษาอยู่ซักพักและทำการเปลี่ยนชื่อให้ตัวเอง โดยหวังว่ามันน่าจะช่วยได้ในส่วนหนึ่ง  แต่ในความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ กลับรู้สึกว่ามันเฉยๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  จึงเบนหัวเรือเริ่มหันมาศึกษาดูที่ เบอร์โทรศัพท์ซึ่งเริ่มกำลังเป็นกระแสยอดฮิตในขณะนั้นบ้าง

          โดยในช่วงเวลานั้นการทำนายหมายเลขโทรศัพท์จะเป็นการทำนายจากผลรวมเท่านั้น!  ซึ่งผมเริ่มคิดแล้วคิดอีก ว่ามันอาจจะไม่ค่อย make sense สมเหตุสมผล เท่าไหร่แฮะ !!  ที่จะเอาหลักของศาสตร์การตั้งชื่อแล้วนำมาประยุกต์เพื่อพยากรณ์ตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ฯ ที่เค้าทำแบบนั้นอาจจะมองไปตรงจุดที่ว่ามันเป็นตัวเลขเหมือนกันมั้งนะครับ ผมคิดว่าแบบนั้น  เพราะหลังจากที่ผมลองเทียบวิธีการทำนายและผลที่ได้  "เหยดดดดแม่ม  เฮ้ย!! นี้เล่นยกมาทั้งดุ้นเลยนิหว่า  มันจะเป็นไปได้เรอะ ???"  แน่นอนว่าผมเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้วครับ มันต้องเริ่มค้นคว้าและเจาะลึกกันไปเลยสำหรับเรื่องเลขศาสตร์ เพราะมันน่าสนใจและต้องมีอะไรอีกเยอะ มากมายก่ายกอง แน่ๆสำหรับศาสตร์นี้

 

รูปตอนรับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย ABAC
 

          ผมจึงได้เริ่มศึกษาและค้นคว้า เก็บสถิติ ของการทำนายเบอร์โทรศัพท์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา   ซึ่งการเก็บนี้เริ่มจากการทายเพื่อนๆ ก่อนเป็นอันดับแรก เราก็ใช้หลักผลรวมนี้แหละครับ ทายถูกบ้างไม่ถูกบ้างเรียกได้ว่าหว่านแหไปทั่วโอกาสตรงอยู่ที่ 50/50 %   และผมได้เริ่มมาแยกทำนายทีละคู่ตัวเลข เป็นคู่ ๆไป   อันนี้ค่อนข้างตรง 70 % แล้ว เริ่มเข้าเค้าแล้วแฮะ!!  จึงเริ่มริอาจจะลองปรับเปลี่ยนดวงของตัวเอง  เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือตามความเชื่อในตัวผมเองที่คิดว่าน่าจะพอแล้ว และคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ตามนี้ ซึ่งผมเปลี่ยนจากเบอร์เดิม มาเป็นเบอร์ปัจจุบัน ที่ใช้รับลูกค้า นั่นก็คือ 0 899 899 145 นั่นเอง ^ ^

            ปัญหาในขณะนั้นที่เจอคือ เบอร์ที่เราคิดว่าดี ดีมากกกๆๆๆ  นั่นจริงๆ แล้วมันมีอีกด้านที่ผมไม่ได้มอง  เลขที่ผมได้ลองใช้ครั้งนี้ตามความหมายเลขศาสตร์คือ “ผู้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน”  ใช้กลุ่มตัวเลขมหาอำนาจ  ซึ่งในขณะนั้นผมได้เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 3  ครับ ความหมายโดยรวมของเบอร์นั้นมันช่างดูดีมากๆ ในกะลาความคิดของผม  แต่ในทางกลับกัน หลังจากที่ผมเปลี่ยนใช้เบอร์กลุ่มมหาอำนาจตามที่ผมนึกเองเออเอง มันส่งผลทำให้ผมถูกเขม่นจากอาจารย์และผู้ใหญ่รอบตัว , ทำให้การสื่อสารกับเพื่อนๆ เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น และอีกหลายๆอย่าง จนผมต้องมาตั้งข้อสังเกตใหม่อีกรอบเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขในเบอร์โทรศัพท์  โดยได้รับการสนับสนุนของบุคคลรอบตัวเป็นผู้ช่วยเก็บสถิติเพิ่มมากขึ้น ค้นคว้าและศึกษาเรื่อยมาจนกระทั่งผมจบปริญญาตรี เรียกได้ว่าการเรียนในช่วงนั้นที่มหาวิทยาลัยเป็นเพียงแค่ทำตามหน้าที่ แต่การศึกษาวิเคาระห์ตัวเลขคือการทำตามความฝัน และนั่นทำให้ผมได้เล็งเห็นจุดที่มีความสำคัญอีกจุดนึงนั่นก็คือเรื่อง  “ตำแหน่งของตัวเลข” และ “สถานะภาพ” ณ.เวลานั้นขณะใช้เบอร์นั่นเอง

 

รูปตอนรับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย ABAC
 

            การพัฒนาเรื่องของศาสตร์นั้นยังมีเรื่องราวของมันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงลึกเข้าไปดูความหมายของตัวเลขให้ลึกซึ่งจนถึงระบบธาตุตัวเลข อารมณ์ของตัวเลข   การศึกษาจิตวิทยาของมนุษย์ พร้อมทั้งการปรับคำพยากรณ์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มันเข้ากับยุคและสมัยไม่ใช่ตัวหนังสือที่เป็นถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณ เราต้องมองตามหลักความเป็นจริงซึ่งผมถือเป็นเรื่องหลัก ทั้งในด้านดีและด้านเสีย จนกล้าพูดว่านี่คือศาสตร์ของตัวผมเอง  เป็นเลขศาสตร์ประยุกต์ที่ไม่ได้ลอกหรือก๊อปปี้มาจากตำราเดิมๆ แต่เป็นศาสตร์ที่เกิดการบ่มเพาะจากความเข้าใจ จากจินตนาการ เกิดจากอารมณ์และความรู้สึกของตัวเลขนั้นๆ  ซึ่งผมไม่ได้ท่องจำต่อๆ กันมาแน่นอน เพราะนี้ เป็นศาสตร์  “ทศวิวัฒน์...การกำเนิดใหม่และการพัฒนาของเลข 10 ตัว ให้มีชีวิตและมี มิติเพิ่มมากยิ่งขึ้น ”

 

อ่าน อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน แล้วนำมารวบรวมกลั่นให้ออกมาเป็น "ศาสตร์ทศวิวัฒน์" ในปัจจุบัน
 

            ถ้าให้ผมพูดถึงความแม่นยำในเรื่องของตำแหน่งตัวเลข  หลังจากที่ได้พัฒนามาถึงจุดนี้ จึงทำให้ความแม่นยำเพิ่มขึ้นจนมาถึงจุด  95%  กันเลยทีเดียว และในที่สุดเรื่องของตำแหน่ง  จึงถือเป็นจุดเด่นของศาสตร์ที่ผมเรียกมันว่า “ศาสตร์ทศวิวัฒน์” เลขศาสตร์ประยุกต์การพยากรณ์เบอร์โทรศัพท์มือถือ และจุดแข็งอีกหนึ่งอย่างที่ลูกศิษย์ของผมทุกคนต้องเรียนรู้ให้ถึงแก่นนั้นก็คือ “ธาตุของตัวเลขทั้ง 10 ตัว”  มันคือหัวใจหลักของศาสตร์ทศวิวัฒน์ ที่เป็นเส้นเลือดสำหรับหล่อเลี้ยงขั้นพื้นฐานความรู้ ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้

            เพราะธาตุของตัวเลขจะทำให้เกิดสภาวะสมดุลกับชีวิตเพื่อรักษาศูนย์ถ่วงกับดวงชะตาพื้นฐานและเป็นไปตามเป้าหมายชีวิตในอนาคตของบุคคลนั้นๆ   “โดยที่ไม่ใช่การเปลี่ยนดวง หรือพลิกชะตาชีวิต”   แต่มันจะเป็นการ Make  up ตกแต่งดวงของเราเพื่อ กลบจุดด้อย และเสริมให้มันโดดเด่น ในปริมาณที่พอดี ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในสังคม ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยและโลกอันโหดร้ายในปัจจุบันได้อย่างมีความสุข  โดยใช้เข็มทิศชีวิตที่ผมใช้ประสบการณ์และความขี้สงสัย จนบังเอิญค้นพบมันโดยบังเอิญ เป็น GPS ในการชี้นำทางให้เราทุกๆคนที่สนใจในเรื่องเลขศาสตร์ประยุกต์“ทศวิวัฒน์”  ไม่หลงทางในเขาวงกตของสังคม และปรับตัวให้พร้อมที่จะมีความสุขบนพื้นฐานดวงชะตาเดิมของตัวเองได้อย่างสมูทและมีศิลปะ ตามเป้าหมายของชีวิตที่เราต้องการต่อไป

 

     

     

ลูกศิษย์กลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาเรียนเลขศาสตร์ประยุกต์กับผม
 

          ผมคิดว่า  การเปิดใจที่จะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้ด้วยจินตนาการและความขี้สงสัย  ก้าวออกจากกรอบโบราณปรัมปรา  กล้าที่จะทดลองทำ และไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว  จะเป็นปัจจัยพื้นฐานให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทุกประเภทครับ ผมเชื่อเช่นนั้น และอีกอย่างหนึ่งนะครับที่ผมเคยมีอคติกับอาชีพ “หมอดู”  ซึ่งความรู้สึกนั้นในตอนนี้ได้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่อันนั้นผมก็ไม่รู้เช่นกัน  กลับกลายเป็นว่าผมรักในอาชีพนี้ มันทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า มนุษย์ทุกๆคน  ก็มีด้านมืดของจิตใจ  เพียงแต่ไม่มีใครบ้าที่จะเปิดเผยมันออกมาก็เท่านั้น บางคนมืดมาก บางคนมืดน้อย แต่ทุกๆคนเมื่อถึงจุดตกอับที่สุดในแต่ละด้านของชีวิต ความรัก การงาน การเงิน เป็นต้น  จะต้องนึกถึง  “อาชีพหมอดู”  แน่นอน

          จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่  “ให้ความหวังกับทุกคน”  คนที่ตกทุกข์ได้ยากก็ต้องมาพึ่งหมอดู หวังว่าจะมีชีวิตที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป ส่วนใครมีชีวิตสุขสบายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังหวังที่จะเจริญขึ้นๆ ไปอีก อาชีพนี้จึงเหมือนผู้รับระบายความทุกข์ และคอยบอกทางให้กับคนอื่นเสมอ  ซึ่งหมอดูที่ดีจึงควรมีลักษณะ “ ไม่ทำลายความหวังของคนอื่น แนะนำทางออกที่ดีให้เสมอ” เช่นกัน

 

 

          เมื่อก่อนผมอาจยังไม่เคยมีความฝัน แต่ในตอนนี้ผมคงจะมีความฝันแล้ว ความฝันของผมไม่ใช่อะไรใหญ่โตก็ขอเพียงแค่ว่า “ เป็นหมอดูที่ดี เป็นอาจารย์ที่ดี ให้ลูกศิษย์ได้ภูมิใจ เป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นได้ในเวลาที่เขาต้องการ”  เท่านี้ก็เพียงพอแล้วหละครับกับความฝันเล็กๆน้อยๆของผม   และในตอนนี้ความฝันของผมก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ได้เป็นหมอดูที่มีคนเข้ามาขอพึ่งพิงอยู่เป็นประจำ  ได้สานความฝันของใครหลายๆ คน ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของใครหลายๆ คน

        ถามว่าหลังจากนี้ผมจะทำอะไรต่อ ผมก็คงอยู่อย่างนี้ต่อไปล่ะครับ แล้วก็คง... สานความฝันของคุณพ่อกับคุณแม่ผมต่อ... ความฝันที่ว่า “มีลูกที่ประสบความสำเร็จ” ไงหละครับ

        ส่วนคำตอบของคำถามในใจผมเสมอมา  คนเราสามารถเปลี่ยนดวงตัวเองได้หรือเปล่า? นั้น คงไม่มีใครในโลกนี้ที่จะไปปรับเปลี่ยนมันได้ แต่เราทุกคนสามารถที่จะปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุขต่างหากหละครับ "คือการปรับเปลี่ยนดวงอย่างแท้จริง"

 

" ขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่านประสบการณ์ชีวิตของเด็กเกรียนๆ อย่างผม

และหวังประสบการณ์ชีวิตของผม จะเป็นตัวจุดประกายให้คนที่ท้อแท้

หรือยังไม่มีจุดหมายของชีวิต ได้มีพลังในการค้นหาตัวเองต่อไปครับ "

 


 

หมอเมท ทศวิวัฒน์  ( Horonumber )
อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลขศาสตร์ประยุกต์
www.horonumber.com

 
     
ดวง / ฮวงจุ้ย
เบญจเพส หรือ วัยเบญจเพส เลขอายุที่ทุกคนเกรง 24 25 26 รู้แล้วป้องกัน ดีกว่าแก้ไขตอนที่เกิด ... อ่านต่อ
ตัวเลขเสริมบุคลิกภาพ เสริมเสน่ห์ให้ผู้หญิง ... อ่านต่อ
ตัวเลข 359 นักพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ... อ่านต่อ
ดูดวง / ฮวงจุ้ย
ทายนิสัย จากลายมือการเขียนตัวเลข ... BY : หมอเมท ... อ่านต่อ
คาถาทวงหนี้ คาถาอีกาวิดน้ำ ใช้สำหรับคนยืมเงินแล้วไม่คืนหรือของหาย ... อ่านต่อ
ตากระตุก ตาเขม่น ลางสังหรณ์ที่บ่งบอกเรื่องราวอะไร? ... อ่านต่อ
 

 


 


 


 


 


 


 


 


 


 

หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย

бишкек эскорт

 

Copyright @2014 Horonumber.com All rights reserved.