
ทีมงาน “เดอะ ฮังเกอร์ เกมส์”ห่วงนักศึกษาไทยชูสามนิ้วถูกจับ

สำนักข่าวต่างประเทศ “บัสฟีดนิวส์” ได้สัมภาษณ์ลอว์เรนซ์ทางโทรศัพท์หลังจากมีข่าวว่านักศึกษาไทยห้าคนถูกจับเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพราะแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วเลียนแบบตัวละครในภาพยนตร์ “เดอะฮังเกอร์เกมส์” ต่อหน้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีจากการรัฐประหาร
นอกจากนั้น ในวันพฤหัสบดี ยังมีนักศึกษาไทยอีกสามคนถูกจับ เพราะแสดงสัญลักษณ์เดียวกันหน้าโรงภาพยนตร์ ซึ่งมีรายงานข่าวว่า เครือโรงภาพยนตร์ในไทยถอดภาพยนตร์ “เดอะ ฮังเกอร์ เกมส์” ออกจากโปรแกรม แต่บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ มงคล เมเจอร์ ยังคงโฆษณาภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่
ลอว์เรนซ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ง่ายๆ และสำหรับเขามันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก ปฏิกิริยาแรกคือโอ้....เด็กๆ พวกนี้ใช้สัญลักษณ์นี้ ตามมาด้วย โอ้….รัฐบาลทำให้มันผิดกฎหมาย และโอ้...เด็กๆถูกจับเพราะสัญลักษณ์นี้
“เป้าหมายของผมไม่ใช่เพื่อให้เด็กๆ ออกไปทำอย่างนั้นแล้วถูกจับ มันเหมือนกับว่า เมื่อมันกลายเป็นเรื่องจริงและมันส่งผลต่อผู้คนและครอบครัว มันก็กลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน ในแง่หนึ่ง ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ความคิดในภาพยนตร์กลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่เต็มใจจะเสี่ยงทำบางอย่างโดยใช้สัญลักษณ์ในภาพยนตร์ซึ่งมีความหมายจริงๆกับพวกเขาแต่มันก็น่าตกใจ” ลอว์เรนซ์กล่าว
ลอว์เรนซ์ตระหนักว่าภาพยนตร์ส่งผลต่อการกระทำของผู้ชมและในภาพยนตร์เดอะ ฮังเกอร์ เกมส์ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแม้คนเพียงคนเดียว ก็สามารถสร้างความแตกต่าง ดังนั้น ถ้ามีอะไรบางอย่างที่ใครสักคนต้องการทำจริงๆ มีความหมายสำหรับเขาจริงๆ ใครคนนั้นก็จะต้องออกไปทำสิ่งนั้น เพียงแต่การกระทำนั้น “มีราคาของมัน”
ลอว์เรนซ์อธิบายว่าตัวละครในภาพยนตร์เรื่องฮังเกอร์ เกมส์ มีความกดดันหลังความเครียดที่สะเทือนใจ กล่าวในเชิงจิตวิทยาและอารมณ์ก็คือพวกเขาถูกทำลาย ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะถูกทำลายไปตลอดกาล เพราะพวกเขาต้องสูญเสียครอบครัว สูญเสียเพื่อน เรื่องราวต่างๆ ไม่เคยเป็นสีดำและสีขาว
“นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงรู้สึกละอายเมื่อได้เห็นผู้คนแสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้วแล้วถูกจับ"ลอว์เรนซ์กล่าวและว่าเขาหวังว่าผู้คนจะเข้าใจจริงๆถึงผลที่ตามมาซึ่งพวกเขาต้องเผชิญไม่ว่าจะถูกหรือผิด”
ทางด้านโปรดิวเซอร์ นิน่า จาค็อบสัน ผู้ได้รับลิขสิทธิ์สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้จากซูซาน คอลลินส์ ผู้เขียนนิยาย เดอะ ฮังเกอร์ เกมส์ กล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งในภาษาของการต่อต้าน “มันมีพลังจริงๆและเหลือเชื่อ”
ส่วนผู้เขียนบท ปีเตอร์ เครก กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการเคลื่อนไหวต่อต้านที่ผู้ประท้วงจะรับเอาสัญลักษณ์จากที่ต่างๆ มาใช้เป็นของตัวเอง แต่เขาก็เป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ประท้วง “มันเป็นสถานการณ์การเมืองที่หนักหน่วงและผมรู้สึกแย่ไปกับเด็กๆ ผมเพียงแต่หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย”
ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE5qWXpNalkxTmc9PQ==§ionid=