เรื่องน่ารู้ก่อนฉีดโบท็อกกรามหน้าเรียว ช่วยอะไรบ้าง กี่วันเห็นผล อยู่ได้กี่เดือน?

โบท็อกกรามเป็นหัตถการยอดฮิตที่นิยมฉีดกันเพื่อให้หน้าเรียวขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่การใช้โบท็อกจะช่วยให้หน้าเรียวได้อย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ

โบท็อกกราม (Jaw Botox) เป็นตัวช่วยยอดฮิตของการฉีดให้หน้าเรียวขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเนียนสวย หากสงสัยว่าโบท็อกกรามทำงานยังไง จะเห็นผลเมื่อไหร่ และสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน? หรือแม้แต่คนที่กำลังคิดจะลองทำหัตถการนี้อยู่ บทความนี้ก็ได้รวบรวมข้อมูลและคำตอบที่น่ารู้ไว้อย่างครบครัน หากอยากรู้ห้ามพลาด!

โบท็อกกรามช่วยให้หน้าเรียวได้ยังไง ดีจริงไหม?

โบท็อกกรามคือทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกราม เหมาะกับผู้ที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่โครงกระดูก เมื่อตัวยาถูกฉีดเข้าไป กล้ามเนื้อจะค่อย ๆ คลายตัวและเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

ฉีดโบท็อกกราม ต้องใช้กี่ยูนิตถึงจะเห็นผล?

คำถามว่าการฉีดกรามต้องใช้โบท็อกกี่ยูนิต ก็จะต้องอาศัยการประเมินเพิ่มเติมโดยแพทย์ เพื่อให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เต็มที่ และลดปัญหาจุกจิกจากการฉีดในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป ปริมาณโบท็อกที่ต้องใช้สำหรับการฉีดลดกรามจะขึ้นอยู่กับขนาดกล้ามเนื้อของแต่ละคน โดยทั่วไปต้องใช้อย่างน้อย 50 ยูนิตขึ้นไปจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่บางคนที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่อาจต้องใช้ 60-100 ยูนิตต่อข้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม ซึ่งการกำหนดปริมาณก็ต้องอาศัยการ

โปรแกรมโบท็อกกราม ต่างจากโบท็อกลิฟกรอบหน้ายังไง?

โบท็อกกราม และโบท็อกลิฟกรอบหน้า เป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นเหมือนกัน แต่มีจุดประสงค์และบริเวณการฉีดที่แตกต่างกัน ดังนี้

• โบท็อกกราม : คือการฉีดโบเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม เหมาะสำหรับคนที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
• โบท็อกลิฟกรอบหน้า : ฉีดบริเวณกรอบหน้าและลำคอ เพื่อกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย และทำให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น

โปรแกรมโบท็อกกรามราคาเท่าไหร่ แพงไหม?

ราคาโปรแกรมฉีดโบท็อกกรามโดยทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ 3,000 - 15,000 บาท โดยราคาที่แตกต่างกันก็จะขึ้นอยู่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

• ยี่ห้อโบท็อก : โบท็อกมีหลายแบรนด์ในตลาด และแต่ละแบรนด์ก็มีราคาที่แตกต่างกัน โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงก็มักมีราคาสูงกว่าค่ายอื่น ๆ เนื่องจากความเชื่อถือในประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่คงทน
• ปริมาณโบท็อก : ปริมาณโบท็อกที่ใช้ในการฉีดลดขนาดกรามจะขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อกรามของแต่ละคน หากมีกรามใหญ่หรือกล้ามเนื้อแข็งแรง ก็อาจต้องใช้ปริมาณโบท็อกมากขึ้นเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทำให้ราคาต่อโปรแกรมสูงขึ้นตามปริมาณที่ใช้
• จุดที่ฉีด : จำนวนจุดที่ต้องฉีดในแต่ละข้างจะมีผลต่อราคาการฉีด โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกลดกรามจะต้องฉีดที่หลายจุดในแต่ละข้างเพื่อให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและได้ผลอย่างเต็มที่ หากต้องฉีดหลายจุดเพื่อกระจายตัวยาให้ทั่วถึง ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นตามจำนวนจุดที่ต้องฉีด

หลังฉีดโบท็อกกราม ดูแลตัวเองยังไงให้เข้าที่ไวขึ้น

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดกรามเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและเข้าที่ไวขึ้น หากปฏิบัติตามคำแนะนำจะช่วยให้โบท็อกทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง โดยวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นก็จะมี ดังนี้

• หลีกเลี่ยงการนอนราบหรือนอนตะแคง : เพื่อป้องกันการกระจายตัวของยา 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
• เคี้ยวหมากฝรั่งเป็นเวลา 5-10 นาทีทันทีหลังฉีด : เพื่อช่วยกระจายยาให้เต็มที่
• งดแต่งหน้า : เพื่อลดโอกาสที่เครื่องสำอางจะอุดตันรูเข็ม 4-6 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
• งดออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือวิตามินบางชนิด : เช่น Fish oil เพื่อป้องกันรอยช้ำ 1 วันหลังฉีด
• หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องนวดหน้า ขัดผิว หรือทำสปาหน้า : ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด
• หลีกเลี่ยงความร้อนโดยตรง : เช่น เลเซอร์และอบซาวน่า แต่สามารถทานอาหารอุ่น อาบน้ำอุ่น หรือเป่าผมได้ตามปกติ 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด

สรุปทุกเรื่องน่ารู้ของโบท็อกกราม

การฉีดโบท็อกกรามเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด การดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์ดีและเข้าที่ได้ไวขึ้น โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลและลักษณะร่างกายของแต่ละคน หากสนใจก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมมากที่สุด