การลงทุนมีหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน คือการเทรด Future เนื่องจากเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรทั้งขาขึ้นและขาลงของตลาด ซึ่งมีความซับซ้อนและต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเข้าสู่ตลาด Future จึงควรเรียนรู้พื้นฐานของการเทรดก่อนเริ่มต้น เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นและสร้างโอกาสในการทำกำไรระยะยาว

การเทรด Future คืออะไร ?

Future เป็นสัญญาทางการเงินประเภทหนึ่งที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงซื้อขายสินทรัพย์ในอนาคตตามราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถใช้กับสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมัน) สกุลเงิน คริปโตเคอร์เรนซี ดัชนีหุ้น

การเทรด Future แตกต่างจากการซื้อหุ้น หรือคริปโตโดยตรง เนื่องจากนักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง รวมถึงใช้ Leverage (เลเวอเรจ) หรือการเพิ่มอำนาจซื้อ เพื่อขยายผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่มีอยู่ ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงต้องมีการบริหารพอร์ตอย่างเหมาะสม

หลักการทำงานของการเทรด Future

การเทรด Future อาศัยหลักการจากการคาดการณ์ทิศทางของราคาในอนาคต โดยมีตัวเลือกหลัก 2 ทาง ได้แก่

• Long Position (เปิดสถานะซื้อ) เมื่อต้องการทำกำไรจากราคาที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น

• Short Position (เปิดสถานะขาย) เมื่อต้องการทำกำไรจากราคาที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง

โดยนักลงทุนสามารถเลือกเปิดสถานะทั้งสองแบบตามการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด เมื่อราคาขยับไปตามที่คาดการณ์ไว้ การปิดสัญญาก็จะทำให้เกิดกำไร หรือหากราคาตรงกันข้าม อาจทำให้เกิดการขาดทุน

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด Future

แม้ว่าการ Future จะให้โอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา ก่อนเริ่มต้นจึงควรทำความเข้าใจสิ่งต่อไปนี้

1. ความเสี่ยงจากเลเวอเรจ

เลเวอเรจช่วยขยายโอกาสทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงขาดทุนเช่นกัน การใช้เลเวอเรจสูงเกินไปอาจทำให้พอร์ตถูกล้างได้ภายในเวลาอันสั้น ดังนั้น ควรกำหนดระดับเลเวอเรจให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับความเสี่ยง

2. การบริหารความเสี่ยง

ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง การใช้ Stop Loss (จุดตัดขาดทุน) เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดโอกาสสูญเสียเงินทุน การตั้งเป้าหมายกำไร (Take Profit) ก็ช่วยให้สามารถล็อกกำไรได้เมื่อราคาขยับไปตามที่คาดการณ์

3. ความเข้าใจเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม

แพลตฟอร์มเทรด Future ส่วนใหญ่มีค่าธรรมเนียมในรูปแบบ Funding Fee และ Trading Fee การทำความเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมจะช่วยให้สามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. การใช้เครื่องมือวิเคราะห์

เครื่องมือทางเทคนิค เช่น เส้นแนวรับ-แนวต้าน, MACD, RSI และ Moving Average เป็นตัวช่วยที่สำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มราคาและเลือกจุดเข้าออกที่เหมาะสม

การเทรด Future เป็นหนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่ให้โอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการให้ดี มือใหม่ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดนี้ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาแนวทางการเทรด ฝึกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ และบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน