หางตาตก (Ptosis) หรือการที่หางตาลงต่ำกว่าปกติ เป็นปัญหาที่ทำให้ดวงตาดูเหนื่อยล้า หรือมีลักษณะเหมือนกับอาการตาปรือ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและการแสดงออกทางอารมณ์ของบุคคลบางคน การที่หางตาตกไม่เพียงแค่มีผลกระทบต่อรูปลักษณ์ แต่ยังอาจมีผลต่อการมองเห็นในบางกรณีเช่นกัน การรักษาหางตาตกจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีป้องกันเพื่อรักษาความงามและสุขภาพของดวงตา
หางบริเวณตาตกคือการที่หนังตาบริเวณหางตาหย่อนคล้อยลงต่ำกว่าปกติ ทำให้ดวงตาดูเหนื่อยล้าและอาจส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจนในบางกรณี โดยที่ปัญหานี้มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการยกหางตา หรือการที่มีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังที่ทำให้หนังตาหย่อนลงมา
การที่ตาตกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ หรือการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ดังนี้
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ตาตกคือการที่อายุมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่เกิดจากการเสื่อมของ กล้ามเนื้อเลเบอรัส (Levator muscle) ที่ทำหน้าที่ยกเปลือกตา การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนังรอบดวงตาและการลดลงของคอลลาเจน ส่งผลให้หนังตาหย่อนคล้อยลง
บางคนอาจมีลักษณะของหางที่ตาตกตั้งแต่กำเนิด ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอายุเพิ่มขึ้น
การใช้สายตาอย่างหนัก เช่น การมองจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนแอลงและเกิดหางที่ตาตกได้
อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ดวงตาอาจทำให้เกิดการยืดหรือฉีกขาดของกล้ามเนื้อตาที่ช่วยยกเปลือกตา หรืออาจทำให้มีรอยแผลเป็นที่รบกวนการทำงานของกล้ามเนื้อนั้น
บางโรค เช่น โรคเบาหวาน, โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) หรือ โรคประสาทบางชนิด สามารถทำให้เกิดการสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตา และทำให้หางที่ตาตกได้
ยาบางประเภทที่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือการยับยั้งระบบประสาท เช่น ยาต้านฮอร์โมนบางชนิด หรือยาคลายกล้ามเนื้ออาจเป็นปัจจัยหนึ่งเช่นกัน
หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย