การรักษาหลุมสิวเป็นวิธีฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนมากขึ้น มีหลายวิธีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นวิธีธรรมชาติที่ทำเองได้ หรือวิธีทางการแพทย์ที่ต้องปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งได้รวบรวมวิธีต่าง ๆ ในการปรับสภาพผิวหน้าให้กลับมาเรียบเนียนไว้ในบทความนี้แล้ว ไปอ่านกันได้เลย
การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีธรรมชาติ ช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เสียค่าใช้จ่ายเยอะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเองในเบื้องต้น
วิตามิน B5 และ Zinc เป็นสารอาหารที่ช่วยลดสิว บรรเทาการอักเสบ ป้องกันสิวอุดตัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวและหลุมสิว ทั้งนี้ การใช้วิตามินเหล่านี้อาจใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะเห็นผลชัดเจนและควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพราะอาจมีผลข้างเคียงเช่น ปากแห้ง หรือผิวแห้ง
สำหรับหลุมสิวตื้น ๆ การใช้สกินแคร์ที่มีกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) หรือกรดเบตาไฮดรอกซี (BHA) สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นได้ ควรเริ่มด้วยความเข้มข้นที่ต่ำ เช่น AHA 5-15% หรือ BHA 0.5-2% เพื่อให้ผิวปรับตัวได้ดีขึ้น ซึ่งวิธีนี้อาจใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเห็นผลลัพธ์
เรตินอลเป็นส่วนผสมสำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Anti-Aging ที่มีประโยชน์ทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดจุดด่างดำจากสิว ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ และกระชับรูขุมขน นอกจากนี้ยังช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นได้ แต่ควรศึกษาวิธีการใช้ที่ถูกต้อง และเริ่มใช้เรตินอลในปริมาณน้อย ๆ ด้วยความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.01% เพื่อป้องกันการระคายเคือง
ยาทารักษาหลุมสิวมักประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์กรดอ่อน ๆ เช่น กรดแลคติกหรือกรดอัลฟาไฮดรอกซี ซึ่งมีความเข้มข้นสูงกว่าในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั่วไป ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น ทำให้เกิดการลอกของผิวชั้นตื้น ๆ จึงช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้เล็กน้อย
การมาสก์หน้าด้วยสมุนไพร หรือส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีกรด AHA เช่น มะเขือเทศ ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก มะขาม มะนาว เป็นวิธีรักษาหลุมสิวที่สามารถทำได้เองง่าย ๆ แต่ผลลัพธ์จะไม่เห็นชัดเจนทันที ต้องทำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเร่งด่วน
หัตถการทางการแพทย์เป็นตัวเลือกสำหรับการรักษาหลุมสิวที่ลึกและต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีและสารช่วยฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพสูง
เลเซอร์หลุมสิวมีหลายแบบ เช่น Fractional Laser, CO2 Laser และ Pico Laser ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและหลุมสิวตื้นขึ้น สำหรับหลุมสิวลึกอาจต้องทำ 4-6 ครั้งขึ้นไป โดยเว้นระยะทุก 2-3 สัปดาห์ หลังทำเลเซอร์อาจมีผิวแดง ตกสะเก็ด หรือมีจุดเลือดออก ควรพักหน้าและดูแลผิวหลังทำ
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นวิธีเติมเต็มหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้นและเห็นผลทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวอย่างเร่งด่วน โดยทั่วไปใช้ฟิลเลอร์ 1 CC สำหรับหลุมสิวตื้น และอาจเพิ่มเป็น 2 CC สำหรับหลุมสิวลึก
ซึ่งแพทย์เลือกใช้ฟิลเลอร์ในกลุ่ม Skinbooster เช่น Juvederm Volite, Restylane Vital Light หรือ Belotero Revive ที่มีโมเลกุลละเอียด ซึ่งช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน สามารถใช้หน้าได้ทันทีหลังทำ
การฉีดเมโสหลุมสิว คือการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวเพื่อซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้บริเวณที่เป็นหลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียนใกล้เคียงผิวปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวไม่รุนแรงมาก และต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ดูสุขภาพดี
การฉีดรีจูรันช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวในระดับลึก ทำให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดี ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ พร้อมปรับผิวให้ดูอิ่มน้ำและฉ่ำวาวทันที ทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขนและรักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น (โดยเฉพาะขนาดไม่เกิน 4-5 มิลลิเมตร) เป็นวิธีที่เสริมความหนาแน่นให้ผิวชั้นหนังแท้ ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
สารในกลุ่ม Collagen Biostimulator เช่น Sculptra หรือ Radiesse จะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวกระชับและลดความหย่อนคล้อย อีกทั้งยังเติมเต็มริ้วรอยและหลุมสิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีด และประสบการณ์ของแพทย์
การรักษาหลุมสิวขึ้นอยู่กับระดับความลึกและผลลัพธ์ที่ต้องการ หากเป็นหลุมสิวตื้น ๆ อาจรักษาเองได้ แต่ต้องใช้เวลาในการเห็นผล สำหรับหลุมสิวลึกหรือผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่น ฉีดฟิลเลอร์ Skinbooster หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งช่วยเติมเต็มหลุมสิวและฟื้นฟูผิวได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย