การให้อาหารแมวเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของแมว โดยเฉพาะเรื่องของปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับแมวแต่ละตัว เพราะแมวที่ได้รับอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น การอ้วนเกินไป หรือภาวะขาดสารอาหารได้ ดังนั้นการรู้วิธีการให้อาหารที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้าของแมวที่ต้องการดูแลแมวอย่างเต็มที่
น้ำหนักตัวของแมว น้ำหนักตัวเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อปริมาณอาหารที่แมวต้องการ แมวที่มีน้ำหนักตัวมากจะต้องการพลังงานจากอาหารมากกว่าแมวที่มีน้ำหนักตัวน้อย แมวที่มีน้ำหนักมากเกินไปอาจต้องควบคุมปริมาณอาหารให้น้อยลงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคอ้วน
อายุของแมว แมวที่ยังเป็นลูกแมว (kitten) จะต้องการพลังงานจากอาหารมากกว่าผู้ใหญ่ (adult) เพราะในช่วงวัยนี้ร่างกายของมันกำลังเจริญเติบโต ส่วนแมวที่มีอายุมากแล้ว (senior) อาจจะต้องการอาหารที่มีโปรตีนและสารอาหารที่เหมาะสมกับการดูแลสุขภาพที่ดี
ระดับกิจกรรม หากแมวของคุณเป็นแมวที่มีความกระตือรือร้น ชอบเล่น และออกกำลังกาย ก็ควรให้อาหารในปริมาณที่มากขึ้นเล็กน้อย เพราะพวกมันจะใช้พลังงานมากกว่าแมวที่นอนเฉยๆ ตลอดทั้งวัน
ชนิดของอาหาร อาหารมีหลายประเภท เช่น อาหารเม็ด (dry food) หรืออาหารเปียก (wet food) ซึ่งทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในเรื่องของการดูดซึมสารอาหารและพลังงานที่แมวได้รับ อาหารเม็ดจะมีความเข้มข้นของสารอาหารมากกว่าอาหารเปียก ดังนั้นปริมาณการให้จะต้องปรับตามชนิดอาหารที่เลือกให้
ปริมาณอาหารที่แมวต้องการจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและชนิดของอาหารที่ให้ โดยประมาณการทั่วไปมีดังนี้:
อาหารเม็ดมักจะมีความเข้มข้นของสารอาหารสูง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้น้อยกว่าอาหารเปียก แมวทั่วไปที่มีน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัม จะต้องการอาหารเม็ดประมาณ 40-50 กรัมต่อวัน แต่หากเป็นแมวที่มีน้ำหนักมากหรือกำลังเจริญเติบโต อาจต้องการปริมาณที่มากขึ้น เช่น 60-70 กรัม
อาหารเปียกจะมีปริมาณน้ำมากกว่าอาหารเม็ด ซึ่งทำให้พลังงานที่ได้จากอาหารเปียกต่ำกว่ามาก โดยปกติแล้ว แมวที่มีน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัมจะต้องการอาหารเปียกประมาณ 150-200 กรัมต่อวัน (แบ่งเป็น 2-3 มื้อ) โดยทั่วไปอาหารเปียกจะมีความหลากหลายและหอม ทำให้แมวหลายตัวชื่นชอบ
บางคนเลือกที่จะให้อาหารทั้งสองประเภท โดยจะให้อาหารเปียกในบางมื้อและอาหารเม็ดในมื้ออื่นๆ คำแนะนำคือให้ประมาณ 30-40 กรัมของอาหารเม็ดและประมาณ 100-150 กรัมของอาหารเปียกต่อวัน การปรับสัดส่วนนี้สามารถทำได้ตามความต้องการของแมวและตารางการให้อาหาร
แบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ การให้อาหารในปริมาณมากในมื้อเดียวอาจทำให้แมวกินไม่หมดหรือกินมากเกินไป การแบ่งอาหารออกเป็น 2-3 มื้อต่อวันจะช่วยให้แมวได้รับพลังงานอย่างสม่ำเสมอและยังป้องกันไม่ให้มีน้ำหนักเกิน
ควบคุมอาหารตามกิจกรรม หากแมวของคุณเป็นแมวที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวหรือมีกิจกรรมต่ำ เช่น แมวที่อาศัยในคอนโด ควรปรับปริมาณอาหารให้น้อยลง เพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วน
สังเกตพฤติกรรมการกินของแมว หากแมวมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ปกติ เช่น กินอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
น้ำสะอาด แมวต้องการน้ำสะอาดเสมอ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นแมวที่กินอาหารเม็ด ควรมีน้ำดื่มอยู่เสมอเพื่อช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร
หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย