ฉีดเมโสหน้าใสเป็นทางลัดสู่ผิวสวยที่กำลังได้รับความนิยม สำหรับคนที่มีเวลาจำกัดแต่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว วิธีนี้ช่วยบำรุงผิวได้อย่างตรงจุดด้วยการฉีดสารอาหารเข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้เห็นผลชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบของคนที่ต้องการดูแลผิวให้สุขภาพดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนบำรุงที่ซับซ้อน
สำหรับใครที่สนใจ ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเมโสหน้าใสให้มากขึ้น ว่าคืออะไร ? มีกี่แบบ ? มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ? เหมาะ-ไม่เหมาะกับใคร ? และควรเลือกฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี ?
ฉีดเมโสหน้าใส หรือ Mesotherapy เป็นทรีตเมนต์บำรุงผิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน วิธีนี้ใช้เข็มขนาดเล็กฉีดตัวยาที่มีความปลอดภัยสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง (Mesoderm)
โดยคำว่า "เมโส" มาจากคำว่า "meso" แปลว่า "ตรงกลาง" หมายถึงการฉีดลงในชั้นกลางของผิว ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ที่ประกอบด้วยคอลลาเจน อิลาสติน และไฮยาลูรอนิก แอซิด
การฉีดเมโสหน้าใสช่วยในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
✔ ฟื้นฟูผิวจากสารพิษ เช่น ภาวะผื่นแพ้ สิว
✔ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน
✔ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง มีสุขภาพดี
✔ ลดฝ้า กระ แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
✔ เสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสหน้าใสจะเริ่มเห็นได้ภายใน 3 วันหลังการฉีด และจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ซึ่งเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวทั่วไปที่อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในวงการความงามเพื่อปรับสภาพผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส และลดเลือนปัญหาผิวต่าง ๆ การฉีดเมโสหน้าใสแบ่งออกได้หลายแบบ ซึ่งสามารถแบ่งตามสูตรที่ใช้และเทคนิคการฉีด ดังนี้
แบ่งตามสูตรที่ใช้
สูตรเน้นฉีดหน้าขาวใส : สูตรนี้มักมีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามิน A, B, C, E, Transamin และ Glutathione ซึ่งช่วยในการปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสขึ้น
สูตรเน้นหน้าใส : เน้นส่วนผสมของคอลลาเจนและโคเอนไซม์ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูฟูและกระชับรูขุมขนได้ดีขึ้น
สูตรเน้นลดสิว-แก้ผื่น : ช่วยในการลดการอักเสบ ขับสารพิษสะสม และลดการทำงานของต่อมไขมัน จึงช่วยลดสิวและป้องกันการเกิดผื่น
แบ่งตามเทคนิคการฉีด
การฉีดแบบสะกิด : เทคนิคนี้ใช้เข็มฉีดยาเล็ก ๆ ฉีดตัวยาลงไปในชั้นผิวหนังตื้น ๆ ทั่วทั้งหน้า ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่อาจมีโอกาสเกิดรอยช้ำหรือรอยแดงหลังการฉีด
การฉีดแบบ 16 จุด : เทคนิคนี้ถูกค้นพบในประเทศอิตาลี โดยการฉีดจะทำตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง มีข้อดีคือเป็นแผลน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า และตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่าเทคนิคการสะกิด
เมโสหน้าใสมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีสูตรเฉพาะและมีจุดเด่นในการแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น
Made Collagen : ช่วยลดสิว ลดผื่น
Tensonez : ช่วยให้ผิวขาวใส ลดฝ้า
Neo-Glutanex Glow : ช่วยลดกระ รอยสิว และริ้วรอยผิวแห้งกร้าน
Filorga : ช่วยให้ผิวขาวใส ลดฝ้า และบำรุงผิวล้ำลึก
Alpha Arbutin : เน้นช่วยลดฝ้าโดยตรง
การเลือกยี่ห้อเมโสหน้าใสที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์พิจารณาจากสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
ข้อดี
ให้ผลเร็วกว่าการทาครีม เห็นผลเต็มที่ได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น สิว ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง และริ้วรอย
หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น
ช่วยให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นและเครื่องสำอางติดทน
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิวด้วยวิธีอื่น ๆ
ข้อเสีย
อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการฉีดเมโสหน้าใส เช่น รอยช้ำ บวม แดง (มักหายได้เองภายใน 1-3 วัน)
ผลลัพธ์ไม่ถาวร โดยทั่วไปอยู่ได้ 1-2 เดือน อาจต้องทำซ้ำ (สัปดาห์ละครั้งในเดือนแรก และหลังจากนั้นทำทุก 2 สัปดาห์เพื่อคงสภาพ)
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงผิวหน้าให้กระจ่างใสและมีสุขภาพดี แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับวิธีการนี้ มาดูกันว่ากลุ่มคนที่เหมาะและไม่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใสมีใครบ้าง
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส ได้แก่
ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ต้องการให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
ผู้ที่มีริ้วรอยเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการลดเลือนริ้วรอย
ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ต้องการกระชับรูขุมขน
ผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวแห้ง
ผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีจุดด่างดำหรือฝ้า
ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิวด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การทาครีมบำรุงเป็นประจำ
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าการทาครีม
ผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม การฉีดเมโสหน้าใสอาจไม่เหมาะสำหรับคนในบางกลุ่ม เช่น
ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงต่อส่วนผสมในสารที่ใช้ฉีด
สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผิวหนังอักเสบรุนแรง
ผู้ที่มีแนวโน้มในการเกิดแผลเป็นคีลอยด์
ผู้ที่มีปัญหาเลือดไหลไม่หยุด หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใส ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยสำหรับแต่ละบุคคล
สำหรับใครที่ประเมินเบื้องต้นแล้วว่าเหมาะกับการฉีดเมโสหน้าใส ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกคลินิกให้ดี เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ โดยควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ก่อนฉีด
เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ แสดงใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลชัดเจน มีป้ายชื่อสถานพยาบาลและเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันการให้บริการที่ได้มาตรฐาน
ใช้ตัวยาเมโสหน้าใสแท้ จากบริษัทนำเข้าที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ที่สามารถประเมินปัญหาผิวหน้าและเลือกสูตรเมโสได้อย่างเหมาะสม พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
เลือกคลินิกที่มีบรรยากาศสะอาด สว่าง ไม่อับทึบ มีอุปกรณ์ เครื่องมือ ยาและเวชภัณฑ์ครบถ้วน รวมถึงสามารถเดินทางไปได้สะดวกผ่านระบบขนส่งสาธารณะ มีหลายสาขาใกล้บ้าน ใกล้ห้าง
ตรวจสอบรีวิวฉีดเมโสหน้าใสจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและเป็นกลาง โดยเป็นรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงที่สามารถตรวจสอบได้
การฉีดเมโสหน้าใส ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการผิวสวยในเวลาจำกัด วิธีนี้ช่วยบำรุงผิวได้อย่างรวดเร็วภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยการฉีดสารอาหารเข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนในระยะเวลาสั้น เหมาะสำหรับคนที่มีชีวิตเร่งรีบแต่ต้องการดูแลฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูสุขภาพดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสภาพผิว ควรปรึกษาและฉีดกับแพทย์มากประสบการณ์ เลือกใช้เมโสหน้าใสแท้ ภายใต้คลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย
หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย