สำหรับคนที่ชอบฟังเพลง แอมป์ขยายเสียง คงเป็นชื่อที่ใครก็ต้องรู้จัก แต่สำหรับมือสมัครเล่นอาจเพียงแค่เคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร วันนี้เราจึงจะมาแถลงไข หาคำตอบกัน

แอมป์ขยายเสียง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า แอมป์ หรือ Amplifier คือตัวขยายเสียง ที่ช่วยเร่งให้เสียงดังขึ้น โดยแอมป์ขยายเสียงจะทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณมาจาก DAC โดยการแปลงไฟล์จาก Digital เป็น Analog เพื่อให้ Amp ทำหน้าที่ขยายสัญญาณ Analog ให้ดังขึ้น ซึ่งถึงแม้สมัยก่อนแอมป์จะถูกใช้เพื่อขยายเสียงได้อย่างเดียว แต่ในปัจจุบันมีแอมป์หลายชนิดที่สามารถปรับคุณภาพของเสียงได้ด้วย

แอมป์ขยายเสียงประกอบไปด้วย 2 ส่วน ดังนี้

• Preamplifier หรือที่เรียกกันว่าพรีแอมป์ มีบทบาทในการปรับบุคลิกเสียง โดยการปรับมวลของเสียง  หรือ โทนเสียง 

• Power มีหน้าที่ตรงตามชื่อ คือการมีพละกำลังในส่วนที่ขยายให้เสียงดังขึ้น และยังสามารถเพิ่มกำลังขับให้เพียงพอกับหูฟัง หรือ ลำโพงที่มาต่อได้อีกด้วย

โดยในการเลือกแอมป์ขยายเสียง สามารถดูได้จากทั้ง 4 ปัจจัย ดังนี้

• Signal To Noise Ratio

    Signal To Noise Ratio หรือ SNR คือค่าอัตราส่วนระหว่างสัญญาณต่อเสียงรบกวน มีหน่วยเป็น dB ที่มีผลต่อความชัดเจนของเสียง ยิ่ง SNR มีค่ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่ามีความชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งค่า SNR ควรที่จะมากกว่า 70 dB ขึ้นไปเนื่องจาก SNR ที่มีค่าน้อยจะทำการขยายเสียงรบกวน หรือ Noise ให้ดังออกมาทางลำโพง ยิ่ง SNR น้อยมากก็จะยิ่งขยาย Noise มากขึ้น

• Damping Factor

Damping Factor หรือ DF คือค่าหยุดการสั่นค้างของดอกลำโพง กล่าวคือเมื่อดอกลำโพงขยับ 1 ทีมันจะมีแรงสั่นที่ทำให้เกิดเสียงต่อเนื่อง ยิ่งค่า Damping Factor สูง ดอกลำโพงก็จะหยุดได้ไวขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ได้เสียงเบสที่มีความชัดถ้อยชัดคำ คม ไว และกระชับ เหมาะกับเพลงแนวร็อค หรือ ดนตรีแนวอีเล็กทรอนิกส์ กลับกันหาก Damping Factor สูง ก็อาจทำให้อรรถรสในการฟังเพลงป็อบลดลง ซึ่งค่า Damping Factor ไม่ควรต่ำกว่า 100 แต่จะมากแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับแนวเพลงที่ชอบฟัง

• Total Harmonic Distortion

Total Harmonic Distortion หรือ THD คือค่าความเพี้ยนโดยรวมของฮาร์โมนิค โดยค่าน้อยที่สุดคือ 0 หรือ 0% และผิดเพี้ยนมากที่สุดคือ 1.0 หรือ 100% ยิ่งค่า THD น้อยก็ยิ่งดี เพราะเสียงที่ได้จะมีคุณภาพ เป็นธรรมชาติ มี Noise รบกวนน้อย โดยค่า THD ไม่ควรเกิน 0.1%

• Total Power Output

    เป็นกำลังขับโดยรวมของเพาเวอร์แอมป์ ที่สามารถดูได้จากค่า RMS (Root Mean Square) เป็นหลัก เพื่อห้สอดคล้องกับลำโพงที่เราจะนำไปจับคู่ โดยสามารถศึกษาต่อเพิ่มเติมได้อีกมาก