สเตนเลสสตีลเป็นวัสดุอเนกประสงค์ และทนทาน มีประวัติยาวนานตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ในปี 1913 Harry Brearley นักโลหะวิทยาชาวอังกฤษ บังเอิญค้นพบเหล็กกล้าไร้สนิมขณะพยายามสร้างกระบอกปืนที่ทนต่อการกัดกร่อนสำหรับกองทัพ

ความก้าวหน้าของ Brearley เกิดขึ้นเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าการเติมโครเมียมลงในเหล็กทำให้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง การค้นพบนี้ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยการสร้างวัสดุที่ไม่เพียงแต่แข็งแรงและทนทาน แต่ยังทนทานต่อสนิมและการย้อมสีอีกด้วย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เหล็กกล้าไร้สนิมถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ทางการทหารเป็นครั้งแรก เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อน หลังสงคราม การใช้งานได้ขยายไปสู่อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สถาปัตยกรรม อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร เครื่องครัว และเครื่องมือทางการแพทย์

ปัจจุบัน สแตนเลสเป็นหนึ่งในวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตสมัยใหม่ เนื่องจากมีความแข็งแรง คุณสมบัติด้านสุขอนามัย และความสวยงาม ประวัติความเป็นมาแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมและการทดลองนำไปสู่การสร้างวัสดุที่ยังคงกำหนดทิศทางโลกของเราในปัจจุบันได้อย่างไร

สแตนเลสเป็นวัสดุอเนกประสงค์และทนทานซึ่งมักใช้ในอุตสาหกรรมและการใช้งานต่างๆ เป็นโลหะผสมเหล็กประเภทหนึ่งที่มีโครเมียมอย่างน้อย 10.5% ซึ่งให้คุณสมบัติเฉพาะตัว

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของเหล็กกล้าไร้สนิมคือความต้านทานการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในสภาพแวดล้อมที่ต้องสัมผัสกับความชื้นหรือสารเคมี นอกจากนี้ สเตนเลสยังขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งแรงและความทนทาน ทำให้เหมาะสำหรับงานโครงสร้าง

สแตนเลสมีหลายเกรด โดยแต่ละเกรดมีองค์ประกอบและคุณสมบัติเฉพาะของตัวเอง เกรดบางเกรดเหมาะกว่าสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิสูง ในขณะที่เกรดอื่นๆ เหมาะกว่าสำหรับการแปรรูปอาหารหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์

โดยรวมแล้ว เหล็กกล้าไร้สนิมเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่ง ความต้านทานการกัดกร่อน และความคล่องตัว