การใช้ชีวิตประจำวันในปัจจุบัน มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหลากหลาย เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งในการที่จะใช้เครื่องไฟฟ้าเหล่านี้ ต้องมีการเชื่อมต่อกับไฟฟ้าจากตัวบ้านหรือที่ทำงาน จากที่กล่าวมาไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ก็เป็นสิ่งที่มีความอันตรายเช่นกัน ซึ่งหากถูกไฟฟ้าช็อตก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสำหรับใช้ไฟฟ้า จึงควรที่มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น
เหตุผลที่ต้องมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าอยู่สม่ำเสมอ มีอยู่หลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่น
ความปลอดภัย: ไฟฟ้าเป็นพลังงานที่อันตรายหากใช้งานไม่ถูกต้อง การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ หรือการระเบิด เป็นต้น
ประสิทธิภาพ: การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะช่วยให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ประหยัดค่าไฟ และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
ความมั่นคง: การตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะช่วยป้องกันปัญหาไฟฟ้าดับ ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมั่นคง ป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและข้อมูลเครื่องใช้ไฟฟ้า
การปฏิบัติตามกฎหมาย: กฎหมายหลายฉบับกำหนดให้สถานประกอบการต้องมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นประจำ เช่น พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
การวางแผน: ข้อมูลจากการตรวจสอบระบบไฟฟ้าจะช่วยให้วางแผนการซ่อมบำรุง ปรับปรุง หรือขยายระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีกลุ่มผู้คนหลายประเภทที่ควรมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสำหรับใช้งาน เช่น
เจ้าของอาคารหรือบ้านเรือน: เจ้าของอาคารหรือบ้านเรือนควรมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าของตนเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าทำงานอย่างถูกต้องและปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้งานในอาคารนั้น ๆ
ผู้รับเหมาก่อสร้าง: ผู้รับเหมาก่อสร้างควรมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในโครงการก่อสร้างเพื่อให้แน่ใจว่าการติดตั้งไฟฟ้าถูกต้องตามมาตรฐานและระบบทำงานอย่างปลอดภัย
ผู้ดูแลระบบไฟฟ้า: ผู้ที่รับผิดชอบดูแลระบบไฟฟ้าในอาคารหรือสถานประกอบการควรมีการบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นประจำ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตลอดเวลา
ผู้จัดการสถานประกอบการ: ผู้จัดการหรือเจ้าของธุรกิจควรเอาใจใส่ในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในสถานประกอบการ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นและสร้างสภาพแวดล้อมทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงาน
ช่างไฟฟ้า: ช่างไฟฟ้ามีหน้าที่ในการดูแลและตรวจสอบระบบไฟฟ้า รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า และแก้ไขปัญหานั้น ๆ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานอย่างเหมาะสม
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย: มีผู้เชี่ยวชาญที่เฉพาะด้านในการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า เช่น วิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า
การตรวจสอบระบบไฟฟ้ามีขั้นตอนที่สำคัญสำหรับรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า ดังนี้
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยการทดสอบมิเตอร์ไฟฟ้า หมายถึง การตรวจสอบความถูกต้องของมิเตอร์ไฟฟ้า ว่าวัดค่าการใช้ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องหรือไม่ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
การทดสอบเบื้องต้น
ตรวจสอบสภาพมิเตอร์: ตรวจสอบว่ามิเตอร์อยู่ในสภาพดี ไม่แตกหัก ชำรุด หรือมีรอยร้าว
ตรวจสอบหน้าปัด: ตรวจสอบว่าหน้าปัดมิเตอร์ทำงานปกติ เข็มหมุนไม่สะดุด ตัวเลขแสดงผลชัดเจน
ตรวจสอบไฟ LED: ตรวจสอบว่าไฟ LED บนมิเตอร์ทำงานปกติ แสดงสถานะการใช้ไฟฟ้า
เปรียบเทียบค่ามิเตอร์: เปรียบเทียบค่ามิเตอร์กับบิลค่าไฟฟ้าเดือนก่อนหน้า
การทดสอบโดยช่างผู้ชำนาญ
การทดสอบด้วยเครื่องมือ: ช่างไฟฟ้าจะใช้เครื่องมือวัดค่าความถูกต้องของมิเตอร์ เช่น เครื่องวัดค่าแรงดันไฟฟ้า เครื่องวัดค่ากระแสไฟฟ้า
การทดสอบเปรียบเทียบ: ช่างไฟฟ้าจะติดตั้งมิเตอร์มาตรฐานเพื่อเปรียบเทียบกับมิเตอร์ที่ใช้งาน
เมนสวิตช์ หรือ Circuit Breaker เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ควบคุมวงจรไฟฟ้าทั้งหมดภายในอาคาร การตรวจสอบระบบไฟฟ้าที่เมนสวิตช์เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้มั่นใจว่าเมนสวิตช์ทำงานได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และป้องกันปัญหาไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าลัดวงจร และไฟไหม้ วิธีการตรวจสอบเมนสวิตช์ ได้แก่
ตรวจสอบสภาพ: ตรวจสอบว่าเมนสวิตช์อยู่ในสภาพดี ไม่แตกหัก ชำรุด หรือมีรอยร้าว
ตรวจสอบการทำงาน: ทดสอบการเปิดปิดเมนสวิตช์ ว่าสามารถเปิดปิดได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด
ตรวจสอบสายไฟ: ตรวจสอบว่าสายไฟที่ต่อกับเมนสวิตช์อยู่ในสภาพดี ไม่ชำรุด ฉนวนหุ้มสายไฟไม่หลุดลอก
ตรวจสอบขั้วต่อ: ตรวจสอบว่าขั้วต่อสายไฟกับเมนสวิตช์แน่นหนา ไม่หลวม
ตรวจสอบค่าพิกัด: ตรวจสอบว่าค่าพิกัดของเมนสวิตช์ (Ampere) เหมาะสมกับขนาดสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าที่สายไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้มั่นใจว่าสายไฟฟ้าอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย และป้องกันปัญหาไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าลัดวงจร และไฟไหม้ วิธีการตรวจสอบสายไฟฟ้า ได้แก่
ตรวจสอบสภาพสายไฟ
มองหาว่าสายไฟมีรอยฉีกขาด เปื่อยยุ่ย ฉนวนหุ้มสายไฟหลุดลอก หรือไม่
สังเกตว่าสายไฟมีรอยไหม้ หรือรอยกัดแทะจากสัตว์หรือไม่
ตรวจสอบว่าสายไฟมีรอยต่อหรือพันสายไฟด้วยเทปพันสายไฟหรือไม่
ตรวจสอบการเดินสายไฟ
ตรวจสอบว่าสายไฟเดินร้อยท่อ หรือเดินลอย
ตรวจสอบว่าสายไฟอยู่ห่างจากแหล่งความร้อน หรือวัตถุไวไฟ
ตรวจสอบว่าสายไฟไม่พันกัน หรือขัดกับสิ่งของอื่น
ทดสอบการทำงาน
ทดสอบการเปิดปิดไฟ ว่าสามารถเปิดปิดได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด
ทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าว่าทำงานได้ปกติ
เต้ารับไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้เสียบปลั๊กไฟเพื่อใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า การตรวจสอบระบบไฟฟ้าที่เต้ารับไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้มั่นใจว่าเต้ารับไฟฟ้าอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย และป้องกันปัญหาไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าลัดวงจร และไฟไหม้ วิธีการตรวจสอบเต้ารับไฟฟ้า ได้แก่
ตรวจสอบสภาพเต้ารับ
มองหาว่าเต้ารับมีรอยแตก รอยร้าว หรือชำรุดหรือไม่
สังเกตว่าเต้ารับมีรอยไหม้ หรือรอยกัดแทะจากสัตว์หรือไม่
ตรวจสอบว่าเต้ารับหลวม หรือขยับได้
ตรวจสอบขั้วเต้ารับ
ตรวจสอบว่าขั้วเต้ารับอยู่ในสภาพดี ไม่งอ หรือหัก
ตรวจสอบว่าขั้วเต้ารับแน่นหนา ไม่หลวม
ทดสอบการทำงาน
ทดสอบเสียบปลั๊กไฟว่าสามารถเสียบแน่น ไม่หลวม
ทดสอบการเปิดปิดไฟ ว่าสามารถเปิดปิดได้อย่างสะดวก ไม่ติดขัด
การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นสิ่งที่สำคัญต่อบ้านเรือนและที่ทำงานเป็นอย่างมาก เพื่อความปลอดภัยสำหรับใช้งาน รวมถึงป้องกันปัญหาไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าลัดวงจร และไฟไหม้ได้เป็นอย่างดี
หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย