เบรกรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ชะลอหรือหยุดการเคลื่อนที่ของยานพาหนะโดยการเปลี่ยนพลังงานจลน์ให้เป็นความร้อน เบรกติดอยู่กับล้อทั้งสองด้านและควบคุมโดยคนขับ เมื่อขับรถ สิ่งสำคัญคือต้องรู้วิธีเหยียบเบรกอย่างถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการรู้ว่าเมื่อใดที่คุณควรใช้เบรกและเมื่อใดที่คุณไม่ควรใช้เบรก สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าถ้าคุณขับเร็วเกินไป รถของคุณจะหยุดทันเวลาได้ยาก หากคุณต้องการลดความเร็วลงหรือหยุดอย่างรวดเร็ว จะเป็นการดีที่สุดสำหรับคุณที่จะใช้ช่วงพัก อีกอย่างคือต้องรู้วิธีเหยียบเบรกที่ถูกต้องและควรออกแรงกดที่เท้ามากน้อยเพียงใดตลอดเวลา

ขั้นตอนการทำงานของเบรกรถยนต์เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับบางคน บทความนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนการทำงานของเบรกรถยนต์ วิธีทำงาน และส่วนต่างๆ กระบวนการทำงานของเบรกรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แป้นเบรกและแม่ปั๊มเบรก แป้นเบรกจะส่งแรงดันไปยังแม่ปั๊มเบรกซึ่งจะควบคุมแรงดันที่ส่งไปยังล้อแต่ละล้อ คันเหยียบจะเคลื่อนลูกสูบในกระบอกสูบหลักซึ่งดันไดอะแฟรมที่ดันของเหลวในแต่ละล้อ จากนั้นของเหลวจะเดินทางผ่านท่อไปยังล้อแต่ละล้อที่ผสมกับอากาศเพื่อสร้างแรงเสียดทานที่ทำให้ล้อหมุนช้าลงหรือหยุดหมุน หลังจากนั้นเมื่อมีอากาศผสมกับของเหลวมากเกินไป จะทำให้เกิดเสียงที่เรียกว่า "เสียงแหลม"

ผ้าเบรกเป็นส่วนประกอบที่วางอยู่ระหว่างจานเบรกและยางเบรกเพื่อหยุดการหมุนของล้อเมื่อคนขับกด ผ้าเบรกประเภทที่พบมากที่สุดคือประเภทออร์แกนิกและเมทัลลิกซึ่งมีคุณสมบัติต่างกัน ผ้าเบรกออร์แกนิกใช้วัสดุเสียดสี เช่น ยางหรือคาร์บอนแบล็ค เพื่อสร้างแรงเสียดทานกับชิ้นส่วนโลหะ ผ้าเบรกเมทัลลิกใช้วัสดุเสียดสีระหว่างโลหะกับโลหะซึ่งมีความดุดันน้อยกว่าเบรกออร์แกนิก ผ้าเบรกมีความหนาต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ตัวอย่างเช่น รถแข่งมักต้องการผ้าเบรกที่บางกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล เนื่องจากต้องการกำลังในการหยุดรถที่มากกว่าเพื่อรักษาความเร็วขณะเบรก การเปลี่ยนผ้าเบรคอาจจะช่วยให้รถสี่ล้อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ราคาของการเปลี่ยนอาจจะไม่ได้สูงมากขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าเบรคและรถยนต์ที่ต้องการเปลี่ยน สามารถหาที่ให้บริการเปลี่ยนได้ตามศูนย์บริการรถยนต์ทั่วไป