ฟิลเลอร์คาง มีข้อห้ามอะไรบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถทำได้ง่าย รวดเร็ว และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นเหมือนการผ่าตัดเสริมคาง ช่วยปรับรูปหน้าให้กับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางถอย ให้หน้าได้สัดส่วนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการฉีดฟิลเลอร์คางยังมีข้อห้ามที่ควรรู้ก่อนฉีดบทความนี้จะเอาข้อมูลเกี่ยวกับข้อห้ามของการฉีดฟิลเลอร์ว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ฟิลเลอร์คางคืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์คาง คือการเติมสารไฮยาลูรอนิค แอซิด เพื่อช่วยแก้ปัญหาหน้ากลม คางสั้น คางเบี้ยว คางย้อย คางไม่เท่ากัน ให้เป็นรูปทรงได้สัดส่วน ดูเป็นธรรมชาติมีมิติมากขึ้น หลังฉีดจะเห็นผลทันที ไม่บวมช้ำเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรม และสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่เป็นอันตราย
ข้อห้ามหลังการฉีดฟิลเลอร์คาง
ในการฉีดฟิลเลอร์คางนั้นจะมีข้อห้ามอยู่เพียงไม่กี่อย่าง เพื่อป้องกันอาการอักเสบและการบิดเบี้ยวของรูปคางดังนี้
- ห้ามนวด จับ บีบ หรือใช้มือปั้นทรงคางด้วยตัวเอง
- ห้ามใช้เครื่องสำอางที่มี AHA , Vitamin C หลังฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ควรอยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปหลังฉีด 2-3 วัน
- ห้ามนอนคว่ำ หรือใช้มือเท้าคางเด็ดขาด
- อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์
โดยปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์คางจะไม่มีผลข้างเคียงและอันตราย แต่หากเกิดอันตรายนั้นจะเกิดได้จากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้รับมาตรฐาน รับรองจากอย. ในการฉีด ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
เช็คฟิลเลอร์แท้ / ปลอม ได้ยังไงบ้าง
หลักการพิจารณาดูฟิลเลอร์แท้
- เลขทะเบียน อย. และเลขที่ Lot. การนำเข้า สังเกตได้ที่ข้างกล่อง
- มีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม เพื่อกันการลอกเลียนแบบ
- ต้องมีฉลากไทยกำกับ
- วันที่ผลิต และวันที่หมดอายุที่ตัวกล่อง และหลอดยา ต้องตรงกันเท่านั้น
- สามารถตรวจสอบได้ และแจ้งรายละเอียดบริษัทที่นำเข้าได้อย่างชัดเจน
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
- เข้ารับการประเมินใบหน้ากับแพทย์ และควรแจ้งประวัติการใช้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดก่อนฉีด
- ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเค็ม ประมาณ 2-3 วัน ก่อนฉีด เพราะอาหารรสเค็มจะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมเยอะ ส่งผลให้ร่างกายมีโอกาสบวมได้
- หลีกเลี่ยงการทานสมุนไพรในช่วงก่อนฉีด เช่น แปะก๊วย โสม และน้ำมันตับปลา เป็นต้น
- งดทานอาหารเสริมหรือ ยาแก้ปวด กลุ่ม แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และ NSAIDs อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดการแข็งตัวของเลือด
- หากตั้งครรภ์ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
ฟิลเลอร์คางช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

- ช่วยในการปรับแต่งรูปหน้าได้สัดส่วน หรือ ตามต้องการ
- ช่วยให้ใบหน้ากระชับ สวยขึ้น
- ช่วยให้คางดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- ช่วยให้ใบหน้าดูเรียว และหน้าเด็กขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนที่คางสั้นเกินไป
- ช่วยแก้ปัญหาคางตัด หน้าสั้น ทำให้ดูมีมิติ
ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใครบ้าง
- เหมาะกับผู้ที่อยากเสริมคางแต่ไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม
- เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางถอย คางตัด
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีหน้าเรียว วีเชฟ
ควรเลือกพิจารณาคลินิกยังไงบ้าง
เนื่องจากการเลืกเข้ารับบริการกับคลินิกนั้นต่างเป็นข้อสำคัญอย่างมากที่ต้องเช็กให้รอบคอบเพื่อความปลอดภัยของคนไข้
- คลินิกต้องมีแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อสามารถประเมิน วิเคราะห์ ออกแบบรูปทรงคางได้
- เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน และมีใบรองรับจากสาธารณสุขอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- ควรเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง มีรีวิวจากผู้ใช้บริการหลายๆคน
- คลินิกต้องมีเครื่องมือที่ความสะอาด ปลอดภัยต่อคนไข้
- ต้องใช้ตัวยาแท้เท่านั้น ผ่านอย. ถูกต้องตามกฎหมาย
- คลินิกต้องแจ้งราคาไว้อย่างชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วนั้น ตัวยาจะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ เพราะตัวยาที่ใช้ฉีดคางนั้นต้องเป็นตัวยาที่มีความคงตัวสูง เนื่องจากคางเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย ซึ่งโดยปกติแล้วหากดูแลตัวเองตามที่แพทย์สั่งและเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมก็จะสามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์คางเจ็บไหม
หลายคนไม่กล้าฉีดฟิลเลอร์คางเพราะกังวลว่าจะเจ็บเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรม แต่ไม่ต้องกลัวไปเลย เพราะในระหว่างการทำหัตถการแพทย์จะมีการนำน้ำแข็งเย็นประคบ เพื่อลดอาการเจ็บคนไข้จึงจะไม่รู้สึกเจ็บมาก แต่หากใครที่กลัวว่าจะเจ็บมากก็สามารถขอยาชาแปะก่อนฉีดได้ เพราะจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำเลย
ฉีดฟิลเลอร์คางใช้กี่ CC
การฉีดฟิลเลอร์คาง หากใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อย หรือมากเกินไปก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมาะกับปัญหาที่มี ซึ่งปกติแล้วแพทย์จะใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 1 CC แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับใบหน้าและปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย เพราะจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เท่ากันแพทย์ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์คางควรได้รับการประเมินใบหน้ากับแพทย์ก่อนเพื่อจะได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพ และสวยดูเป็นธรรมชาติ
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร
คางเป็นก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์คางสามารถเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีด หากใช้เทคนิคในการฉีดไม่ต้องถูก เพราะบริเวณคางมีกล้ามเนื้อ ที่ชื่อ mentails ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก ถ้าฉีดฟิลเลอร์ในผิวชั้นที่ตื้นเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้ดึงฟิลเลอร์รวมมากองกันทำให้คางเป็นก้อน หน้ายาว ดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยวิธีแก้คือต้องฉีดสลายฟิลเลอร์ในชั้นตื้นออกไปได้ในกรณีที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์แท้ แต่ถ้าคางเป็นก้อนเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ต้องผ่าตัดเพื่อขูด หรือเลาะฟิลเลอร์ออกเท่านั้น
ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์คาง ที่อาจเกิดขึ้นได้

แน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์อาจจะเกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ในบางขึ้น ซึ่งจะมีอาการบวมแดง ช้ำ หรือคันในบริเวณที่ฉีดได้เป็นปกติ หากมีอาการเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง การเกา การแตะ การกดนวดในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์คาง ซึ่งอาการเหล่านั้นจะหายไปได้เอง ภายใน 2-3 วัน หลังฉีด
แต่หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือทำการฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเกิดผลข้างเคียงได้ดังนี้
อาการอักเสบ : จะมีลักษณะ บวม แดง ผื่นคัน หรือมีอาการปวดบริเวณที่ฉีดมากกว่าปกติ แต่อาการเหล่านี้จะหายขาดใน 1 สัปดาห์ แต่หากยังไม่หายภายในเวลา 1สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ห้อเลือด : หลังจากฉีดให้สังเกตตัวเอง หากมีอาการผิดปกติบริเวณที่ฉีด เนื้อเยื่อแข็งตัว ผิวหนังเปลี่ยนสี เนื่องจากหลอดเลือดแดงมีความดันโลหิตค่อนข้างสูง ผิวหนังจะค่อนข้างดำหรือคล้ำ สีผิวก็จะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เพราะเลือดไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณปลายทางไม่ได้ หากมีอาการลักษณะนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์
ติดเชื้อ: การติดเชื้อจากการฉีดฟิลเลอร์จะมีลักษณะ บวม ช้ำ หรือเป็นหนอง ซึ่งถ้าหากมีอาการเหล่าควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับยา ปฏิชีวนะ และยาลดบวม เพื่อลดอาการติดเชื้อให้น้อยลง
ดังนัั้นการการฉีดฟิลเลอร์บริเวณคางจะมีกล้ามเนื้อที่ชื่อ mentails ซึ่งจะต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดเป็นอย่างมาก เพราะถ้าฉีดไม่ลึกพอแล้วไปโดนกล้ามเนื้อมัดนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหากล้ามเนื้อดึงเนื้อฟิลเลอร์ให้มากองรวมกัน ทำให้คางผิดรูป ดังนั้นจึงควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะปลอดภัย นอกจากนั้นหลังฉีดควรทำตามข้อห้ามที่แพทย์แจ้งอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
บทความจาก