ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องฉีดกี่ซีซี ฉีดซ้ำได้ไหม
ปัญหาใต้ตาดำ คล้ำมีริ้วรอย เป็นปัญหากวนใจใครหลายๆคน ที่จัดการได้ยากแต่ในปัจจุบันสามารถจัดการให้หายไปได้ง่ายๆ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ทั้งนี้ควรจะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาที่มี บทความนี้จึงนำข้อมูลการฉีดฟิลเลอร์มาให้อ่านว่า ควรฉีดกี่ซีซี และสามารถฉีดซ้ำได้ไหม
ปัญหาใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอย เกิดจากอะไร
ปัญหาใต้ตาคล้ำ หรือตาหมีแพนด้านั้นหลายคนอาจจะคิดว่าเกิดมาจากการนอนดึกเท่านั้นแต่ความจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยดังนี้
- พันธุกรรม เนื่องจากโครงสร้างทางพันธุกรรมของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนที่มีใต้ตาที่ลึก โบ๋
- โรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เมื่ออาการแพ้กำเริบจะเกิดการคันที่บริเวณตา ทำให้ต้องขยี้ตาอยู่บ่อยๆ เป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยและหมองคล้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- อายุเพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นไขมันหรือกล้ามเนื้อใต้ตาจะยุบลงมาก ทำให้เกิดร่องใต้ตาลึก เกิดริ้วรอยได้ง่าย การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้ใต้ตากลับมาอิ่มฟู ดูสดใสเหมือนเดิม
- พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึก นอนน้อย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ และมักจะมีปัญหาตาบวมร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส หรือที่ชอบเรียกกันว่าขอบตาดำเหมือนหมีแพนด้า
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ

การเติมสารไฮยาลูรอนิคแอซิด เพื่อฉีดเข้าไปในบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาหย่อนคล้อย อ่อนล้า และดูมีอายุ สารนี้จะทำหน้าที่คล้ายคอลลาเจน ซึ่งจะเข้าไปช่วยให้บริเวณที่มีปัญหาที่กล่าวมานั้น กลับมาดูสดใส ดูอ่อนวัยขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากเป็นสารที่อุ้มน้ำ จึงทำให้ใต้ตาดูชุ่มชื้นด้วย
ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรฉีดกี่ซีซี
โดยปกติแล้วจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ในการฉีดประมาณ1-3 ซีซีขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละบุคคล ในกรณีที่คนไข้มีปัญหากระดูกใบหน้ายุบตัวลงเยอะทำให้มีปัญหาใต้ตาลึกมาก แพทย์อาจจะให้ใช้สารเติมเต็ม 4 ซีซี หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับปัญหา
ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดซ้ำได้ไหม
สามารถฉีดซ้ำได้ เนื่องจากสาร ไฮยาลูรอนิค แอซิด เป็นสารที่สลายไปเองได้ตามธรรมชาติ คงสภาพได้ 6– 18 เดือนเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลรวมถึงยี่ห้อและรุ่นที่ใช้ฉีด) เมื่อตัวยาสลายไปแล้วหมดก็จะกลับมาคงสภาพเดินเหมือนก่อนฉีด หรืออาจจะดีขึ้นกว่าเดิมขึ้นอยู่ที่การสม่ำเสมอในการรักษา ดังนั้นแล้วฟิลเลอร์ใต้ตาจึงสามารถฉีดซ้ำได้อีกหากพบว่าฟิลเลอร์หมดประสิทธิภาพแล้ว
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันถึงจะหายบวม
แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนกังวัลในการจะทำหัตถการแต่ละอย่างนั้นคือผลข้างเคียงหลังการฉีดว่าจะบวมไหม แล้วบวมกี่วัน แต่ไม่ต้องกังวลใจไปเนื่องจากหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีรอยแดงจากเข็มนิดหน่อยซึ่งเป็นเรื่องปกติประมาณ 3-7 วันและอาจจะมีอาการบวมร่วมด้วยในบางตคน แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเอง ภายใน 7-14 วัน
ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานแค่ไหน
โดยทั่วไปตามมาตรฐานแล้ว ตัวยาฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ ขั้นตอนผลิต และพันธะของตัวยา และหลังจากนั้นร่างกายจะดูดซึมตัวยาสลายไปได้เองโดยธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี
หากจะให้พูดถึงยี่ห้อยอดฮิตก็ต้องขอกล่าวถึง ยี่ห้อ Restylane เพราะเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยจะมีรุ่นที่เหมาะกับการใช้ฉีดบริเวณใต้ตา ดังนี้
- Restylane classic เป็นโมเลกุลขนาดปานกลาง สามารถอุ้มน้ำได้ดีทำให้ผิวชุ่มชื้น
- Restylane lyft เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ ช่วยยกพยุงผิว ลดปัญหาถุงใต้ตาและร่องน้ำตาลึก
- Restylane dyfyne เป็นโมเลกุลขนาดปานกลาง ช่วยกระชับผิว เหมาะผู้ที่มีผิวบาง รูขุมขนเล็ก และผิวละเอียด
- Restylans Vital light เป็นโมเลกุลละเอียดที่มีขนาดเล็กที่สุด ช่วยให้ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับฉีดผิวชั้นตื้นล
ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อดี
- ลดรอยคล้ำลดปัญหาขอบตาดำ
- ลดริ้วรอยใต้ตา
- ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
- สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติหรือหากอยากนำฟิลเลอร์ออกก่อนสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร ต้องมีการเติมซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน
- มีการใช้ฟิลเลอร์ปลอมเยอะมากในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตรวจเช็กให้แน่ใจก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร
หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน มาจากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- ฉีดกับแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้บริเวณที่ฉีดดูบวม เป็นก้อน
- เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่เหมาะสมกับปัญหาที่มี อย่างเช่น เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง แต่ใช้ฉีดบริเวณที่บางมาก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาเป็นก้อนได้
- ฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป เนื่องจากเป็นชั้นผิวที่ไม่เหมาะสมที่ฉีด
- ฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือที่เรียกกันว่า ซิริโคนเหลว เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหลังฉีดไปแล้วอาจจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์จับกันเป็นก้อน แข็ง หรือเกิดการอักเสบและเป็นอันตรายได้
หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สามารถแก้ได้ยังไง
สำหรับการใครที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน สาเหตุมาจากมาจากการเติมสารไฮยาลูรอนิค แอซิด สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ด้วยสาร Hyaluronidase HYAL แต่ในกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับมาตรฐานหรือฟิลเลอร์จะต้องใช้วิธีผ่าตัดขูดหรือเลาะออกเท่านั้น
อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ปลอมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติเหมือนฟิลเลอร์แท้ นอกจากนั้นหากถูกปล่อยไว้เป็นเวลานาน
อาจจะเกิดอันตรายได้ดังต่อนี้
- ซิลิโคนเหลวที่ฉีดเข้าไปจะทำลายเนื้อเยื่อในบริเวณที่ฉีด ทำให้เกิดผังผืด เนื้อตาย อาจจะทำให้ผิวหนังใต้ตาผิดรูปได้
- หลังฉีดมาแล้ว 3-5 ปี ซิริโคนเหลวจะไหลรวมมากองกันทำให้จับกันเป็นก้อนและแข็ง
- อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ บวมแดง
หลักการเลือกคลินิกให้ปลอดภัย
- ต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและประเมินใบหน้าทุกครั้งก่อนทำการรักษา
- คลินิกต้องมีความน่าเชื่อถือ และต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมายโชว์ที่หน้าคลินิก
- ต้องทำหัตถการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์เท่านั้น
- ให้แพทย์โชว์กล่องฟิลเลอร์และแกะกล่องให้ดูทุกครั้งก่อนฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้แน่ใจและสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้แน่นอน
- ต้องมีรีวิวจากผู้ใช้จริงจากช่องทางต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ



สรุป
เป็นคำถามที่หลายๆคนสงสัยเมื่อต้องการจะทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าควรจะฉีดในปริมาณแค่ไหนถึงจะพอดีกับปัญหาที่มี และทำแล้วสามารถทำซ้ำอีกได้หรือไม่
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแพทย์จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ 1-3cc แต่ในกรณีที่คนไข้มีกระดูกใต้ตาที่ยุบลงมากแพทย์อาจจะพิจารณาให้เติมฟิลเลอร์มากขึ้นและนอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถฉีดซ้ำได้ทุกๆ6-12 เดือนเพราะเนื่องจากฟิลเลอร์แท้จะสามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ