การฉีดฟิลเลอร์ปาก วิธียอดฮิตของการเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม แก้ปัญหาปากบนและล่างไม่เท่ากัน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ซึ่งฟิลเลอร์ปากนั้น ก็มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือกสรรก่อนฉีดตามความเหมาะสมของรูปปากและความพึงพอใจของสาวๆ แต่ละคน วันนี้เราเลยจะมาแนะนำยี่ห้อของฟิลเลอร์ปาก ว่าแต่ละยี่ห้อเป็นยังไง แตกต่างกันยัง เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับสาวๆ ที่กำลังคิดจะฉีดฟิลเลอร์ปากกันอยู่ พร้อมให้ข้อมูลการดูแลตัวเองเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ฟิลเลอร์ปากคืออะไร
ฟิลเลอร์ปาก คือ สารประเภท Hyaluronic Acid ที่ถูกสังเคราะห์มาจากธรรมชาติ ถูกใช้ในการเติมเต็มเนื้อปาก เพื่อปรับรูปทรงของปากตามที่ต้องการ โดยสารชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้สามารถเติมเต็มหรือปรับริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มและมีรูปทรงที่สมมาตรมากขึ้นตามความต้องการ ซึ่งหลังจากฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้ว ก็จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วช่วยเรื่องอะไรบ้าง เหมาะกับใคร
การฉีดฟิลเลอร์ปากถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยแก้ปัญหารูปทรงของปากที่หลากหลาย รวมถึงช่วยแก้ปัญหาข้อบกพร่องต่างๆ ของริมฝีกปากได้ เช่น
- ช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากเป็นร่อง ให้เรียบเนียนและดูเต่งตึง
- สามารถแก้ปัญหาริมฝีปากบนและล่างที่ไม่เท่ากัน หรือไม่สมมาตร ให้สวยงามมากยิ่งขึ้น
- สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากที่มีปัญหาปากลอกง่าย
- สามารถปรับทรงปากให้ดูเป็นกระจับ หรือทำให้รูปปากสวยมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ
- เติมเต็มเนื้อปากที่ขาดแหว่ง หรือทำให้เราไม่มั่นใจให้เข้ารูปมากขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เลยเหมาะกับทั้งคนที่มีปัญหาเกียวกับริมฝีปากต่างๆ ทั้งริมฝีปากแห้ง ลอกง่าย ริมฝีปากที่มีริ้วรอยและทำให้ทาลิปแล้วตกร่อง หรือคนที่มีรูปปากที่ทำให้ตัวเองเกิดความไม่มั่นใจ เช่น คนที่มีรูปปากคว่ำ
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วปลอดภัยไหม
เนื่องจากฟิลเลอร์ มีส่วนผสมของสารประเภท Hyaluronic Acid ที่ถูกสังเคราะห์มาจากธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูง หากเป็นฟิลเลอร์แท้ และสารชนิดนี้สามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์ปาก ผู้ที่ต้องการฉีดควรศึกษาข้อมูล หากได้รับการฉีดฟิลเลอร์ปากจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ รู้เทคนิคการฉีดที่เหมาะสมและสามารถแนะนำรูปปากที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการได้ การฉีดก็จะไม่เป็นอันตราย รวมถึงการเลือกฟิลเลอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ผู้เข้ารับบริการควรเช็คว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์แท้ รวมถึงเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับตนเอง
ฟิลเลอร์ปาก เลือกยี่ห้อไหนดี
ฟิลเลอร์สำหรับฉีดปากมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการ และแก้ปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปากให้สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยวันนี้เราได้รวบรวมยี่ห้อฟิลเลอร์แท้ ที่ได้รับความนิยม และปลอดภัย โดยมี 3 ยี่ห้อ 3 สัญชาติ ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis สัญชาติเกาหลี
เป็นฟิลเลอร์ใหม่จากประเทศเกาหลี ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าตังค์ โดยฟิลเลอร์จากยี่ห้อ Neuramis มีเพียงแค่รุ่น Neuramis Deep รุ่นเดียวเท่านั้นที่ผ่าน อย. ไทย หากใครพบเห็นยี่ห้อนี้แต่เป็นรุ่นอื่นให้คาดเดาไว้ก่อนเลยว่าเป็นของปลอม สำหรับฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้หลังเติมไปเนื้อค่อนข้างเข็ง แต่ผ่านไปสักพักจะค่อยๆนิ่มขึ้นเอง
โดยฟิลเลอร์ตัวนี้ไม่ผสมยาชา จึงทำให้ขณะฉีดจะรู้สึกเจ็บกว่ายี่ห้ออื่น และสามารถอยู่ได้ 4-6 เดือน
2. ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane สัญชาติสวีเดน
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน พร้อมเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในเรื่องความปลอดภัย และเทคโนโลยีในการผลิตฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ โดย Restylane มีความสามารถดึงโมเลกุลมาเก็บไว้ในตัวได้ ไม่ไหลไปบริเวณอื่น และเนื่องจากใช้เทคโนโลยี 2 ประเภทในการผลิตฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จึงทำให้สามารถใช้ได้กับปัญหาผิวที่หลากหลาย โดยปัจจุบันมี Restylane ผลิตออกมาแล้ว 4 รุ่น ดังนี้
- Restylane Classic
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เป็นเนื้อเจลที่มีความแข็งแรง สามารถปั้นเป็นทรงได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดปากให้เป็นธรรมชาติ และหลังฉีดปากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ 6-8 เดือน
- Filler Restylane Vital light
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เนื้อนิ่มมากๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลอนุภาคเล็ก สามารถแก้ปัญหาได้แม้แต่จุดเล็กๆ พร้อมทั้งมีส่วนผสมของยาชา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริมฝีปากเป็นร่อง เพิ่มความชุ่มชื้นให้แกริมฝีปาก และหลังฉีดปากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ 6 เดือน
- Filler Restylane Defyne
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เนื้อค่อนข้างแข็งกว่าหลายๆตัว เหมาะสำหรับการขึ้นทรง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องแก้รูปทรงปาก และเพิ่มความอวบอิ่ม และหลังฉีดปากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ 12 เดือน
- Restylane Kysse
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ผลิตขึ้นมาสำหรับปรับรูปปากโดยเฉพาะ โดยเนื้อฟิลเลอร์ค่อนข้างนิ่ม จึงมีความสามารถช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูชุ่มชื้น ปรับริมฝีปากให้เรียบเนียน ดูสวย สุขภาพดี หลังฉีดปากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ 12 เดือน
3. ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm สัญชาติอเมริกา
เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เนื้อละเอียด สามารถปั้นขึ้นรูปได้ง่าย และมีการพัฒนารุ่นใหม่ๆมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี 2 รุ่นที่ได้รับความนิยม ดังนี้
- Filler Juvederm Volift
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เนื้อจะค่อนข้างฟู มีความนิ่มเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีปากอิ่มฟู ดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ หลังฉีดปากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ 12 เดือน
- Filler Juvederm Vobella
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เนื้อค่อนข้างนิ่ม ให้ความรู้สึกเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปาก หลังฉีดปากฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ 8-12 เดือน
ราคาและค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ปาก
โดยราคาเริ่มต้นของฟิลเลอร์ปากอยู่ที่ 10,000 - 20,000 บาท / cc ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่ใช้ โดยปกติจะใช้ฟิลเลอร์ 1-2 cc ในการฉีดฟิลเลอร์ปากทั้งนี้ก็จะอยู่ที่การประเมินของแพทย์ผู้ฉีดอีกทีว่าคนไข้จะต้องใช้ฟิลเลอร์ทั้งหมดกี่ cc
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีผลข้างเคียงไหม
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ปากค่อยข้างน้อย โดยส่วนใหญ่จะมีอาการปากบวมหรือรอยเข็ม เนื่องจากการใช้เข็มฉีดยาในการฉีดฟิลเลอร์ โดยอาการนี้เป็นอาการทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถหายเองได้ภายใน 7-14 วัน แต่ถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ผลข้างเคียงจะรุนแรง เช่น ปากมีอาการบวม แข็ง และเกิดการอักเสบบริเวณริมฝีปาก และร้ายแรงได้จนถึงมีรูปปากผิดทรง
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
การดูแลตัวเองหลังฉีดให้ถูกต้องตามแพทย์แนะนำเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับเพื่อการได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในการฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากมีง่ายๆ ดังนี้
- งดการดื่มเครื่องดื่มเอลกอฮอล์ 2-3 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมที่รุนแรงขึ้น
- ควรเลี่ยงของดอง ของดิบ อาหารทะเล รวมทั้งอาการที่อาจจะเสี่ยงต่อการปนเปื้อน รวมทั้งอาหารเสริม เพราะอาจจะทำให้แผลอักเสบ และติดเชื้อได้
- ควรงดชาบู หมูกะทะ อาหารที่ต้องมีการปิ้งย่างหน้าเตา อาหาร้อนจัด หรือรสจัด เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์บวมได้ และอาจจะสลายตัวเร็วขึ้น
- ควรงดการทาลิปสติก 24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก รอให้รอยเข็มหายไปก่อนจึงจะดีที่สุด
- เลี่ยงกิจกรรมที่ออกเหงื่อมากๆ รวมถึงการโดนแดด เพื่อเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้เลือดสูบฉีด ป้องกันอาการแดง หรือช้ำ
- ควรงดการสัมผัส นวด กด หรือสครับปาก เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เสียงทรงได้
- ควรงดการใช้หลอดดูดน้ำ 1 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์
- ควรดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำ และเกาะตัวได้ดีขึ้น
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริมฝีปาก เพื่อเติมเต็มความมั่นใจ และเติมเต็มให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น เป็นธรรมชาติ ในปัจจุบันฟิลเลอร์มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาริมฝีปากให้ตรงจุดที่สุด ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ปากควรศึกษาข้อมูลของฟิลเลอร์แต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด