เสื้อผ้า องค์ประกอบสำคัญในการเสริมบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล นอกจากจะต้องสะอาดและเหมาะสมกับโอกาส สถานที่ หรือกาลเทศะแล้ว อีกปัจจัยสำคัญที่ลืมไม่ได้คือควรต้องอยู่ในสภาพเรียบ เนี้ยบ พร้อมใช้งาน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “เตารีด” จึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านต้องมี แต่จะเลือกซื้อเตารีดอย่างไรให้ตอบโจทย์แถมยังใช้งานได้นาน ไม่ต้องซื้อใหม่กันบ่อย ๆ วันนี้กูรูมีทริกในการซื้อเตารีดมาฝากกัน!
รู้ก่อนเลือก เตารีดมีกี่ประเภท?
สำหรับมือใหม่ในการเลือกเตารีดอาจจะคิดว่าแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อก็มีรูปร่างหน้าตาคล้าย ๆ กัน จะเลือกแบบไหนก็คงใช้งานได้เหมือน ๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เตารีดมีหลากหลายประเภทมากกว่าที่คิด และแต่ละประเภทก็เหมาะกับผ้าหรือการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยเตารีดที่เรามักพบเห็นกันบ่อย ๆ ตามบ้าน ได้แก่
-
เตารีดแห้ง
ทำงานโดยการส่งความร้อนไปยังหน้าเตา ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับตามประเภทผ้าที่รีด ส่วนใหญ่ต้องพรมน้ำเพื่อให้ผ้าคลายตัวแล้วจึงออกแรงกดเพื่อรีดให้ผ้าเรียบ เหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญด้านการรีดผ้าเพราะต้องอาศัยแรงกดและการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ป้องกันเนื้อผ้าเสียหาย มีความทนทานสูง ดูแลรักษาง่าย ไม่มีคราบตะกรันเกาะ ถือเป็นเตารีดที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาเตารีด 3 ประเภท
-
เตารีดไอน้ำ
ถูกพัฒนาจากเตารีดแห้งโดยการเพิ่มถังเก็บน้ำในตัว มีไอน้ำพ่นออกมาระหว่างรีดช่วยให้ผ้าเรียบได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงกดมากนัก ทำให้รีดผ้าได้เร็วขึ้น ช่วยถนอมผ้าได้ดี มีทั้งแบบเตารีดปกติและแบบตั้งซึ่งสามารถรีดได้เลยโดยไม่ต้องนำผ้าออกจากไม้แขวน เหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญในการรีดผ้าและปริมาณผ้าไม่เยอะมาก
-
เตารีดหม้อต้ม
เป็นเตารีดที่ราคาแพงที่สุด เหมาะกับคนที่ต้องรีดผ้าจำนวนมากและต้องการความรวดเร็วในการรีด การทำงานคล้ายกับเตารีดไอน้ำแต่จะแยกถังเก็บน้ำและตัวรีดออกจากกัน ช่วยให้การรีดผ้าเป็นไปอย่างราบรื่น ประหยัดเวลา ถนอมเนื้อผ้า อีกทั้งยังดูแลรักษาง่ายกว่าเตารีดไอน้ำด้วย
เคล็ดลับเลือกซื้อเตารีดแบบมืออาชีพ
-
ซื้อเตารีดที่ปรับได้หลายระดับ เพื่อให้สามารถใช้ได้กับเนื้อผ้าทุกรูปแบบ
-
เลือกเตารีดที่มีน้ำหนักเบา เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
-
หากซื้อเตารีดไอน้ำ ควรเลือกที่มีถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำบ่อยครั้ง
-
ควรเลือกเตารีดที่มีระบบกำจัดคราบตะกรันในตัว เพื่อความสะอาดและใช้งานได้นานขึ้น
-
แผ่นทำความร้อนของเตารีดควรทำจากสแตนเลสหรืออะลูมิเนียม ป้องกันเตารีดติดเนื้อผ้าและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
-
พิจารณาจำนวนวัตต์จากจำนวนเสื้อผ้าที่ต้องรีดต่อวัน หากผ้าไม่มากนัก ใช้ไม่เกิน 1,600 วัตต์ก็เพียงพอ แต่ถ้ามีผ้าเยอะ ต้องรีดบ่อย ควรเลือกแบบ 2,000 วัตต์ขึ้นไป เพื่อความรวดเร็วในการรีด
