4 ศพเด็กเหยื่อมะม่วงหล่น
4 ศพเด็กเหยื่อมะม่วงหล่น กับแผนอำมหิต
“นายใหญ่” คิด “ชุดดำ” ฆ่า


 
       นับเป็นความริยำอำมหิตผิดมนุษย์ของ 'ผู้สั่งการ' ที่สามารถทนเห็นมือสังหารลั่นกระสุนเล็งระเบิดเข้าใส่ร่างเด็กน้อยไร้เดียงสา กระทั่งทำให้ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ต้องหลุดลอยออกไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องและเลือดที่ไหลทะลักออกจากร่างเล็กๆ ทำให้หัวใจของผู้เป็นพ่อเป็นแม่เจ็บปวดปริ่มว่าจะขาดใจตายตาม และทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในความเศร้าโศกกันทั้งบ้านทั้งเมืองเพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
       
       ผู้คนจำนวนมากหลั่งน้ำตาให้กับ 4 ชีวิตของเด็กๆ ที่จากไป
       
        ขณะที่หลายคนออกอาการโมโหและกระหายใคร่ที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลากคอคนผิดมาลงโทษให้ได้ในเร็ววัน
       
        ส่วนอีกหลายคนภาวนาว่า ขอให้การสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายเสียที
       
       อย่างไรก็ดี ความจริงที่ต้องยอมรับกันก็คือ ตราบใดที่ยังไม่สามารถขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและวงศ์วานว่านเครือให้พ้นไปจากอำนาจได้ ก็ไม่มีหลักประกันอันใดที่จะยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้อีก จะต้องมี “มะม่วงที่หล่น” ลูกแล้วลูกเล่าเกิดขึ้นซ้ำซากเช่นนี้ศพแล้วศพเล่าต่อไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
       
       ถึงเวลาแล้วกระมังที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ในฐานะเลขาฯ กปปส.จะต้องเร่งปฏิบัติการก่อนที่จะมีมะม่วงหล่นเฉกเช่นเดียวกับ 4 ชีวิตน้อยที่ต้องสูญเสียไปก่อนวันอันควร เพราะเป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า “นายใหญ่ของคนเสื้อแดง” มีคำสั่งให้สู้แบบหัวชนฝาโดยไม่เลือกวิธีใช้เพื่อรักษาอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินเอาไว้ให้จงได้
       
       **ฆ่าเด็กเพื่อบีบให้เจรจา**
       
       ชีวิตน้อยๆ 4 ชีวิต ต้องดับสูญเซ่นสังเวยความมักใหญ่ในอำนาจของนักการเมืองใจอำมหิต 'น้องเค้ก' ด.ญ.พัชรากร ยศอุบล วัย 6 ขวบ และ 'น้องเคน' ด.ช.กรวิทย์ ยศอุบล วัย 4 ขวบ สองพี่น้องซึ่งมาเที่ยวกับน้าสาว โดยที่ไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังจะตกเป็นเหยื่อระเบิด M79ที่ถูกยิงลงมาที่ห้างบิ๊กซี ราชดำริ ซึ่งใกล้กับเวที กปปส.ราชประสงค์ 'น้องเค้ก' เสียชีวิตจากอาการสมองช้ำและตับแตก ส่วน 'น้องเคน' เสียชีวิตด้วยอาการเนื้อสมองฉีกขาดและตกเลือดในช่องท้อง ขณะที่เด็กอีก 2 รายต้องเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงและปาระเบิดถล่มเวที กปปส. ที่จังหวัดตราด โดย 'น้องฟิ๊ก' ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย อายุ 5 ขวบ ซึ่งไปช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวใกล้กับจุดชุมนุม ถูกยิงที่ศีรษะ ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วน 'น้องขิม' ด.ญ.ณัฐชยา รอสูงเนิน อายุ 5 ขวบ กระสุนฝังในสมองทำให้สมองตาย และสุดท้ายหมอไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
 
       ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุคนร้ายยิงถล่ม กปปส.ที่ จ.ตราดนั้น คนที่เป็นโต้โผทำงานให้ 'นายใหญ่' เป็นคนจัดหามือยิง เป็นนักการเมืองชื่อย่อ ป. ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับ 'คนดูไบ' โดยสั่งการให้ลิ่วล้อซึ่งเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมกับกองกำลังเขมรออกปฏิบัติการ ซึ่งหลังก่อเหตุกองกำลังเขมรดังกล่าวก็ยังกบดานอยู่ในฝั่งแดนไทย โดยได้รับการคุ้มครองดูแลจากเครือข่ายในระบอบทักษิณ
 
       **เชิด 'พัลลภ' เป็นแพะรับบาป**
       
       ล่าสุด 'นายใหญ่' ได้ส่งสารผ่านรองโฆษกพรรคเพื่อไทยว่าได้มอบหมายให้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตนายทหารผู้นิยมความรุนแรง เข้ามาช่วยงาน ศรส.(ศูนย์รักษาความสงบ) เพราะเหตุไม่พอใจในผลงานของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการ ศรส. ที่ทำงานผิดพลาดซ้ำซากและไม่อาจปราบปรามมวลชน กปปส.ได้ อีกทั้งงานนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณข่มขู่ไปยังฝ่ายต่อต้านว่าต่อแต่นี้ไปจะต้องเจอกับความรุนแรงถึงขั้นหมายเอาชนิดไม่เลือกหน้า
       
       โดย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว "อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด" ว่า...... “ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ผู้รู้ทางเจ้าของฉายา 'นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา' กลับมาแล้ว มารอบนี้ เพื่อช่วย ศรส. และจัดการกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ”
 
       ทว่า งานนี้มีวาระซ้อนเร้นแยบคายกว่าที่เห็น เพราะแท้จริงแล้ว 'นายใหญ่แห่งดูไบ' ไม่ได้แค่ต้องการให้ พล.อ.พัลลภ มาดูแลงานใน ศรส.หรือภารกิจฮาร์ดคอร์เท่าใดนัก เพียงแต่ต้องการให้ พล.อ.พัลลภ เป็นหนังหน้าไฟ กลายเป็น 'แพะรับบาป' ในปฏิบัติการสังหารโหดของเหล่า 'นักรบชุดดำ' เท่านั้น เพราะหากดูจากศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้นั้น พล.อ.พัลลภ ไม่สามารถที่จะควบคุมสั่งการหรือประสานกับฝ่ายใดได้ ไม่ว่าจะเป็นภายในกองทัพหรือในเครือข่ายระบอบทักษิณ เนื่องจากปฏิบัติการกรือเซะ-ตากใบทำให้ พล.อ.พัลลภ กลายเป็นที่รังเกียจของน้องๆในกองทัพ เขาจึงไม่สามารถประสานให้ 'ชายชุดดำ' ผ่านเข้าออกประเทศหลังปฏิบัติการเลือด อีกทั้งไม่ได้มีอำนาจบารมีที่จะสร้างขุมกำลังฮาร์ดคอร์ออกก่อเหตุ ที่สำคัญในช่วงเวลาเจียนอยู่เจียนไปเช่นนี้ 'นายใหญ่' ไม่ไว้ใจใครนอกจากคนในครอบครัว !!
       
       โดยสาเหตุที่ต้องเชิด พล.อ.พัลลภ ขึ้นมานั้นก็เพื่อที่ป้องกันไม่ให้สาวมาถึงบรรดาเครือญาติซึ่งเป็นคนที่คุมกำลังตัวจริง โดยหากเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นเลือดนองแผ่นดินหรือเผาบ้านเผาเมือง ความผิดก็จะตกอยู่กับ พล.อ.พัลลภ ซึ่งเต็มใจจะออกมารับหน้าแทนโดยอ้างว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์หรือห้ามปรามมวลชนที่จงรักภักดีต่อทักษิณได้
       
       ** 'ลูกเขยชายตู้เย็น' กับ 'หลานเขยเจ๊กระบังลม' คุมกองกำลังติดอาวุธ ถล่ม กปปส.**
       
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า 'ปฏิบัติการรุนแรงเต็มรูปแบบ' โดย 'กองกำลังติดอาวุธ' ในครั้งนี้นั้น กองกำลังจะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ1) นักรบรับจ้างจากเขมร และ 2) กองกำลังคนเสื้อแดงที่ส่องสุมฝึกอาวุธ มาตั้งแต่ปี 2552 ภายใต้รหัส 'นักรบชุดดำ' ซึ่งก่อตั้งโดย 'เสธแดง' พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล แกนนำแดงฮาร์ดคอร์ที่เสียชีวิตจากการลอบสังหารในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553
 
       สำหรับการจัดหา 'นักรบเขมร' นั้นจะอยู่ในความดูแลของ 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' ชาวเขมรที่เข้ามาสัมพันธ์เชิงเครือญาติกับ 'คนดูไบ' หลังแต่งงานกับลูกสาวของ 'ชายตู้เย็น' เพราะเป็นพ่อตานั้นหาใช่อื่นไกล หากแต่เป็นน้องเขยที่ 'คนดูไบ' ไว้ใจถึงขั้นเคยมอบตำแหน่งใหญ่ให้ดูแลมาแล้ว โดย 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' นั้นเป็นคนกว้างขวางเพราะทำธุรกิจอยู่ที่เกาะกงและมีสายสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์กับ 'สมเด็จฮุน เซน' นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำให้การจัดหานักรบเขมรมาช่วยงาน 'สังหารโหด' ในไทยนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะ 'ฮุน เซน' เองก็เต็มใจที่จะช่วยเพื่อนรักที่บัดนี้ต้องหลบหนีคดีคอร์รัปชั่นไปกบดานถึงดูไบ เพื่อตอบแทนที่เพื่อนรักคนนี้ลงทุนขายชาติเฉือนแผ่นดินไทยให้เขมรตามคำร้องของเขา สำหรับการส่งนักรบเขมรเข้ามาปฏิบัติการในไทยนั้น 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' จะประสานกับ 'ไอ้กี้ร์' แกนนำแดงฮาร์ดคอร์ซึ่งรู้ลู่ทางเข้าออกไทย-เขมรเป็นอย่างดี เพราะ 'ไอ้กี้ร์' เคยหนีไปกบดานที่กัมพูชาเมื่อปี 53 ด้วยการช่วยเหลือของ 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' มาแล้ว
       
       ส่วน 'นักรบชุดดำ' ซึ่งมาจาก 'กลุ่มลูกน้อง เสธ.แดงเก่า' นั้นเป็นกลุ่มที่เคยได้รับการฝึกฝนจาก 'เสธ.แดง' เพื่อออกปฏิบัติภารกิจในนาม 'ชายชุดดำ' ในการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ราชประสงค์ เมื่อปี 2553 โดยครั้งนั้นมีการส่องสุมฝึกกองกำลังกันในพื้นที่อุทธยานแห่งชาติทับลาน ในแถบอำเภอปักธงชัยและอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งหลังจากที่ เสธ.แดงเสียชีวิต บางส่วนก็แตกกระสานซ่านเซ็นไป ขณะที่บางส่วนก็ย้ายไปเข้าสังกัดของ “ไอ้กี้ร์” และ “ไอ้เต้น” เมื่อมีการระดมชายชุดดำเพื่อออกปฏิบัติการปกป้องระบอบทักษิณอีกครั้ง คนกลุ่มนี้จึงกลับมาร่วมปฏิบัติการด้วย โดย 'นักรบชุดดำ' นั้น 'นายใหญ่' มอบหมายให้ 'นายตำรวจใหญ่ หลานเขยเจ๊กระบังลม' เป็นคนดูแลและประสานงานในการปฏิบัติภารกิจเลือด
 
       สำหรับการจัดหา 'นักรบเขมร' นั้นจะอยู่ในความดูแลของ 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' ชาวเขมรที่เข้ามาสัมพันธ์เชิงเครือญาติกับ 'คนดูไบ' หลังแต่งงานกับลูกสาวของ 'ชายตู้เย็น' เพราะเป็นพ่อตานั้นหาใช่อื่นไกล หากแต่เป็นน้องเขยที่ 'คนดูไบ' ไว้ใจถึงขั้นเคยมอบตำแหน่งใหญ่ให้ดูแลมาแล้ว โดย 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' นั้นเป็นคนกว้างขวางเพราะทำธุรกิจอยู่ที่เกาะกงและมีสายสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์กับ 'สมเด็จฮุน เซน' นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำให้การจัดหานักรบเขมรมาช่วยงาน 'สังหารโหด' ในไทยนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะ 'ฮุน เซน' เองก็เต็มใจที่จะช่วยเพื่อนรักที่บัดนี้ต้องหลบหนีคดีคอร์รัปชั่นไปกบดานถึงดูไบ เพื่อตอบแทนที่เพื่อนรักคนนี้ลงทุนขายชาติเฉือนแผ่นดินไทยให้เขมรตามคำร้องของเขา สำหรับการส่งนักรบเขมรเข้ามาปฏิบัติการในไทยนั้น 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' จะประสานกับ 'ไอ้กี้ร์' แกนนำแดงฮาร์ดคอร์ซึ่งรู้ลู่ทางเข้าออกไทย-เขมรเป็นอย่างดี เพราะ 'ไอ้กี้ร์' เคยหนีไปกบดานที่กัมพูชาเมื่อปี 53 ด้วยการช่วยเหลือของ 'ลูกเขยของชายตู้เย็น' มาแล้ว
       
       ส่วน 'นักรบชุดดำ' ซึ่งมาจาก 'กลุ่มลูกน้อง เสธ.แดงเก่า' นั้นเป็นกลุ่มที่เคยได้รับการฝึกฝนจาก 'เสธ.แดง' เพื่อออกปฏิบัติภารกิจในนาม 'ชายชุดดำ' ในการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ที่ราชประสงค์ เมื่อปี 2553 โดยครั้งนั้นมีการส่องสุมฝึกกองกำลังกันในพื้นที่อุทธยานแห่งชาติทับลาน ในแถบอำเภอปักธงชัยและอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งหลังจากที่ เสธ.แดงเสียชีวิต บางส่วนก็แตกกระสานซ่านเซ็นไป ขณะที่บางส่วนก็ย้ายไปเข้าสังกัดของ “ไอ้กี้ร์” และ “ไอ้เต้น” เมื่อมีการระดมชายชุดดำเพื่อออกปฏิบัติการปกป้องระบอบทักษิณอีกครั้ง คนกลุ่มนี้จึงกลับมาร่วมปฏิบัติการด้วย โดย 'นักรบชุดดำ' นั้น 'นายใหญ่' มอบหมายให้ 'นายตำรวจใหญ่ หลานเขยเจ๊กระบังลม' เป็นคนดูแลและประสานงานในการปฏิบัติภารกิจเลือด
       **กองทัพยันฝีมือ กองกำลังเขมร-ชายชุดดำปี 53**
       
       ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับกองกำลังที่ปฏิบัติการโจมตี กปปส.ดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของบรรดานายทหารระดับสูง ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผบ.หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือ ผบ.หน่วยซีล
       โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวในช่วงหนึ่งของแถลงการณ์ชี้แจงจุดยืนของกองทัพบกต่อสถานการณ์ทางการเมือง ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ว่า
       
       “ สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนั้น จากข้อมูลงานด้านการข่าวพบว่ามีหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 2553 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบและหาหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่าจะเกิดความบาดเจ็บสูญเสียของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวกหลายฝ่ายไม่เข้าใจและยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ”
 
       อย่างไรก็ดี หากไล่เรียงถึงบรรดาลูกน้องเสธ.แดง ที่ร่วมปฏิบัติการเมื่อครั้งปี 53 ก็จะพบรายชื่อที่เป็นตัวกลั่นอยู่หลายคน ซึ่งแม้บางคนจะเคยถูกจับกุมตัวเมื่อครั้งรัฐบาล'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' แต่สุดท้ายก็หลุดคดีมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ 'ริดสีดวง' หลังจากที่เขาแปรพักตร์มาช่วยงานรัฐบาล 'ยิ่งลักษณ์' อย่างเช่น 'ไอ้หรั่ง' หรือนายสุรชัย เทวรัตน์ ซึ่งศาลเพิ่งจะพิจารณายกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ขณะที่ 'กบ' รชต วงศ์ยอด นั้นไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัดว่าขณะนี้เขายังถูกคุมขังอยู่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่านายกบฏถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่อยู่ๆล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2557 ที่ผ่านมา เขากลับส่งทนายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เวที กปปส.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตในสังคมออนไลน์แต่อย่างใด ? จึงเป็นไปได้ว่าขณะนี้บรรดาลูกน้องเสธ.แดงระดับมือฉมังได้รวมตัวกันออกปฏิบัติการยิงป่วนเมืองอีกครั้ง ที่สำคัญยังมีเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลืออีกด้วย
 
       **เตรียมก่อวินาศกรรม**
       
       อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังจากที่เหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นองค์กรเดียวที่ยังคงจงรักภักดีต่อระบอบทักษิณ ถูก 'ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง' ผู้อำนวยการ ศรส. หักหลังลอยแพ โดยออกมาประกาศว่า ศรส.ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ไม่ได้เซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้า กระทั่งเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อยอันส่งผลให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักทั้งจากสื่อไทยและต่างชาติ วันนี้ท่าทีของบรรดานายตำรวจจึงเปลี่ยนไป กลายเป็น 'ใส่เกียร์ว่าง' ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล เนื่องจากเกรงว่าหากดำเนินการใดๆไปแล้วถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกลายเป็น 'แพะรับบาป' อยู่ฝ่ายเดียว โดย 'พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว' ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงขั้นมีหนังสือออกคำสั่งไปยังลูกน้องในสังกัดว่า “ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจงดการใช้อำนาจตามประกาศและคำสั่ง ศรส. ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมายปกติเท่านั้น” นอกจากนั้นล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ ยังออกมาพบปะพูดคุยและรับช่อดอกไม้จากตัวแทน กปปส.ที่ไปชุมนุมเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุยิง กปปส.ในหลายๆ เวทีทั้งที่ ตำรวจกับ กปปส.เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดอีกด้วย
       
       ดังนั้นจากการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า จากสถานการณ์ที่รุมเร้าและบีบรัดจากทุกด้าน แผนการสุดท้ายที่ 'คนดูไบ' จำเป็นต้องเลือกเดินก็คือ ใช้กองกำลังติดอาวุธยิงถล่มทุกกลุ่ม ทั้งแดงฮาร์คอร์ ศรส. ซึ่งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการตามหน้าที่อยู่ และกลุ่ม กปปส. ทั้งนี้เพื่อสร้างสถานการณ์ป้ายความผิดฝ่าย กปปส.และกองทัพ อันจะนำไปสู่การจลาจลเผาบ้านเผาเมือง เช่นเดียวกับปี 2553 โดยจะสั่งการให้หน่วยจรยุทธ์ สร้างสถานการณ์ ก่อวินาศกรรม เช่น ยิง M 79 ใส่ปั้มน้ำมัน หรือปั้มแก๊ส เพื่อให้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งแรงระเบิดจะสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวไปทั่ว ขณะเดียวกันก็จัดตั้งมวลชนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ เกิดเหตุวุ่นวายจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่บีบให้ทหารต้องทำการรัฐประหารยึดอำอาจ ซึ่งจะเข้าทางแผนการแบ่งแยกประเทศโดยอ้างว่าพรรคเพื่อไทยถูกยึดอำนาจโดยไม่เป็นธรรม จำเป็นที่พวกเขาจะต้องแยกประเทศออกไปปกครองตนเอง
       
       การเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับคำบอกเล่าของคนใกล้ชิด 'ทักษิณ' ที่ระบุว่าทักษิณยืนกรานหนักแน่นว่า “ หากอยากได้อำนาจรัฐ ก็ให้มาปฏิวัติเอาไป”
       
       จากสถานการณ์ความรุนแรงที่คุโชนขึ้นเรื่อยๆ ณ เวลานี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าข้างฝ่าย 'กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ' แกนนำ กปปส. คงจะรอให้ 'มะม่วงหล่น' เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะกว่ามะม่วงจะหล่น อาจมีชีวิตน้อยๆอีกหลายชีวิตที่ถูกปลิดให้ 'ร่วงหล่น' โดยที่มิอาจเรียกคืน !! 


ที่มา : http://www.manager.co.th/ 
ความขัดแย้งทางการเมือง, ผู้ชักใย, กปปส., ศรส., รัฐบาล, การเมืองไทย, ทักษิณ, ยิ่งลักษณ์, นายกปู, เหตุระเบิดชุมนุม, ระเบิด, เด็กตายจากระเบิด, สุเทพ, ฆ่าเด็ก, ความขัดแย้งทางการเมือง, ผู้ชักใย, กปปส., ศรส., รัฐบาล, การเมืองไทย, ทักษิณ, ยิ่งลักษณ์, นายกปู, เหตุระเบิดชุมนุม, ระเบิด, เด็กตายจากระเบิด, สุเทพ, ฆ่าเด็ก, ความขัดแย้งทางการเมือง, ผู้ชักใย, กปปส., ศรส., รัฐบาล, การเมืองไทย, ทักษิณ, ยิ่งลักษณ์, นายกปู, เหตุระเบิดชุมนุม, ระเบิด, เด็กตายจากระเบิด, สุเทพ, ฆ่าเด็ก
 
บทความที่เกี่ยวข้อง
เบญจเพส หรือ วัยเบญจเพส เลขอายุที่ทุกคนเกรง 24 25 26 รู้แล้วป้องกัน ดีกว่าแก้ไขตอนที่เกิด ... อ่านต่อ
ตัวเลขเสริมบุคลิกภาพ เสริมเสน่ห์ให้ผู้หญิง ... อ่านต่อ
ตัวเลข 359 นักพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ... อ่านต่อ
ดูดวง / ฮวงจุ้ย
ทายนิสัย จากลายมือการเขียนตัวเลข ... BY : หมอเมท ... อ่านต่อ
คาถาทวงหนี้ คาถาอีกาวิดน้ำ ใช้สำหรับคนยืมเงินแล้วไม่คืนหรือของหาย ... อ่านต่อ
ตากระตุก ตาเขม่น ลางสังหรณ์ที่บ่งบอกเรื่องราวอะไร? ... อ่านต่อ
 

 


 


 


 


 


 


 


 


 


 

ขอเครดิตฟรีหน่อยครับสมัครปุ๊บรับปั๊บไม่ต้องฝากสล็อตออนไลน์ เครดิตโบนัสได้เงินจริง slot938 สล็อต สล็อตออนไลน์ thaicasinobin แจกเครดิตฟรี สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ JQK41 สล็อต เครดิตฟรี ไทยคาสิโนออนไลน์ thaibet55 kubet ไทยคาสิโนออนไลน์ แทงบอล ซอคเกอร์ลีก คะแนนฟุตบอล เว็บพนันอันดับ1 HUC99 เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์

หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย

бишкек эскорт

 

Copyright @2014 Horonumber.com All rights reserved.