รู้ไว้ใช่ว่า...ยาและอาหารเสริม ที่กินคู่กันแล้วอาจจะถึงตายได้
รู้ไว้ใช่ว่า..."ยาและอาหารเสริม" ที่กินคู่กันแล้วอาจจะถึงตายได้

 
          นอกจาก "ยา" กับ "เหล้า" ที่กินคู่กันแล้วไม่รอดทำให้คนดัง ๆ หลายคนต้องดับแล้ว "ยา" กับ "ยา" และ "อาหาร" บางอยางก็ยังไม่สามารถกินร่วมกันได้ด้วย เนื่องจากมีผลทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต จึงขอนำบางส่วนที่เป็น "คู่มรณะ" ที่เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนยังไม่เคยรู้และอาจเคยเผลอกินคู่กันมาฝาก
 
          "ยานอนหลับ" กับ "ยาแก้แพ้"
มีฤทธิ์กล่อมให้ง่วงเหมือน ๆ กัน การกินควบกันไปจึงไม่ค่อยดีนัก ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักร, ขับรถ, ขับเครื่องบินหรือต้องใช้สมองทั้งหลาย เพราะสติสัมปชัญญะจะเหลือเพียงแค่น้อยนิด ชีวิตอื่น ๆ ที่ฝากไว้ในมือก็จะพากันไปท่องปรโลกเสียหมด
 
          "ยาละลายลิ่มเลือด" กับ "น้ำมันปลา"
ยาละลายลิ่มเลือดที่ว่านี้เช่น แอสไพริน, วาฟาริน, เฮปาริน และยาที่ทำให้เลือดไม่จับตัวกันแบบอื่น ๆ การกินร่วมกับน้ำมันปลาทำให้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดไหลไม่หยุด ท่านที่จำเป็นต้องกินยาละลายลิ่มเลือดก็ขอให้ระวังเรื่องน้ำมันปลาและอาหารเสริมที่ช่วยให้เลือดใสไว้ให้ดี
 
          "ยารักษาสิว" กับ "วิตามินเอ"
ท่านที่รักษาผิวหน้ายิ่งชีพต้องระวังปรากฏการณ์ หน้าใสใกล้ตับวาย เพราะกินยารักษาสิวยอดนิยมมีกรดวิตามินเอ (Retinoic acid) เป็นส่วนประกอบมาก ทำให้ตับทำงานหนักอยู่แล้ว ยิ่งถ้าได้วิตามินเอเสริมเข้าไปอีกอาจทำให้ตับทำงานหนักเกินตัวจนเกิดภาวะตับวายและดีซ่านตัวเหลืองได้
 
          "ยาลดความดัน" กับ "ยาขยายหลอดลม"
ยาลดความดันกลุ่มที่ไปฉุดหัวใจให้เต้นช้าไม่ควรใช้ในคนป่วยโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้ ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับยาขยายหลอดลมจะยิ่งพาให้หัวใจเต้นช้าจนผิดจังหวะเกิดอาการผิดปกติ เป็นอันตรายได้
 
          "ยาขับปัสสาวะ" กับ "กาแฟ"
ลำพังดื่มกาแฟก็ทำให้ปัสสาวะบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งได้ยาขับน้ำเข้าไปอีกร่างกายจะยิ่งเสียน้ำเพิ่มขึ้นจนอาจถึงขั้นอ่อนเพลีย อีกทั้งเกลือแร่ที่เสียไปทางปัสสาวะก็ทำให้เกิดอาการหมดแรงจนถึงชักเกร็งได้
 
          "ยาลดความอ้วน" กับ "ยาไทรอยด์" หรือ "ยาขับปัสสาวะ"
จะทำให้เกิดอาการ "ช็อก" ถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นได้ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยเพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ด้วยยาลดความอ้วนส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาที่ช่วยเผาผลาญ, ยากดสมองและยาขับน้ำ ที่สำคัญคือมักไม่บอกชื่อแซ่ที่แท้จริงของยา แต่มักจัดมาเป็นชุด คนป่วยที่กินยาพวกไทรอยด์หรือยาขับปัสสาวะอยู่เป็นประจำต้องคอยสังเกตให้ดี
 
          "ยาปฏิชีวนะ" กับ "ส้มโอ"
ดูไม่เกี่ยวอะไรกันกับยาเคมี ส้มโอพันธุ์ดีเนื้อหวานชื่นใจหรือจะทำอันตรายใคร ขออย่าเพิ่งนอนใจครับ เพราะ ยาฆ่าเชื้อหลายชนิดไม่ควรกินคู่กับน้ำผลไม้ ในฝอยยาว่าเป็นพวก "เกรปฟรุท" ซึ่งก็อยู่ในเครือญาติเดียวกับส้มโอ บ้านเราไม่มีเกรปฟรุทแต่มีญาติของมันเยอะเลย ส้มเช้ง, ส้มเขียวหวานและอีกหลาย ๆ ส้ม ถ้าไม่แน่ใจให้กินยากับน้ำเปล่าเป็นที่ดีสุด
 
          "ยาพาราฯ" กับ "สมุนไพร"
หยิบพาราเซตามอลกินขำ ๆ แก้ปวดลดไข้ทีละ 2 เม็ด ถ้ากินร่วมกับสมุนไพรจะไม่ค่อยดีกับ "ตับ" นัก มีสิทธิ์ทำให้ตับพังและวายได้ ตัวอย่างที่พบบ่อยคือกินทั้งพาราเซตามอลและฟ้าทลายโจร อย่างนี้เหมือนโดน 2 เด้งที่เนื้อตับ
 
          "ยาบำรุงเลือด" กับ "ธาตุเหล็ก"
ในคนป่วยธาลัสซีเมีย (เลือดจางจากพันธุกรรม) ไม่ควรกินธาตุเหล็กมากเพราะจะไปสะสมทำอันตรายอวัยวะสำคัญอย่าง "หัวใจ" กับ "ตับ" ควรเว้นการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่าง เลือดหมู, ลาบเลือด, หอยแครงลวก, ตับหวาน, ฟัวกราส์, ผัดตับ, ตับทอด
 
          "วิตามินอี" และ "อีฟนิ่งพริมโรส"
มีคนไข้ที่อยากผิวสวยมาหาพร้อมบอกว่ามีคนแนะให้กินวิตามินอี แต่บ้างก็ให้เลือกเป็นอีฟนิ่งพริมโรสแทนจะเลือกอย่างไรดี จึงได้บอกไปให้เลือกอย่างหนึ่งก็พอ เพราะล้วนแต่มีวิตามินอีทั้งนั้น ซึ่งถ้าได้มากไปอาจทำให้เกิดหัวใจวายแทน
(หมอท่านหนึ่งเคยเล่า ว่าเจอเคสที่ ER กินวิตามินอีมากๆ อยากสวยผิวดีแบบว่าสปีดอัพในเวลาสั้น หัวใจวาย มา รพ.)
 
          "แคลเซียมเสริม" กับ "แคลเซียมสด"
ถ้า ท่านกินงาดำได้วันละ 4 ช้อนโต๊ะ หรือเต้าหู้ขาวแข็งวันละ 3 ขีดก็จะได้แคลเซียมราว 1,000 มิลลิกรัมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าไปหาแคลเซียมเม็ดมากินเติมอีก จะทำให้แคลเซียมเกินและไปจับกับหลอดเลือดทำให้ตีบแข็งได้
 
          "กาแฟ" กับ "แคลเซียม"
ขอให้เลี่ยงกินแคลเซียมร่วมกับกาแฟ เพราะกาแฟจะไปยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนั้นยังไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูกอีกด้วย + นมสด (ไม่ใช่นมถั่วเหลือง) ก็ไม่ควรกินกับแคลเซียม จะให้ไม่ดูดซึมเช่นกัน กาแฟ
(หมอห้ามกินแคลเซียมกับนมสด(วัว แพะ ฯลฯ) ... ที่ใส่กาแฟใส่ทั้งกากนม (นมข้นหวาน+จืด) ครีม นมสด)
 
          "ธาตุเหล็ก" กับ "เลือดจางธาลัสซีเมีย"
เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทีเดียว ขอให้ลืมความเชื่อที่ว่าถ้าเลือดจางต้องกินธาตุเหล็ก ไม่เสมอไปครับ หากท่านเป็นเลือดจางชนิดธาลัสซีเมียแล้วไปกินธาตุเหล็กเสริม จะเท่ากับเติมยาพิษให้กับหัวใจและตับตัวเองครับ

ที่มา : 
http://www.t-pageant.com/ 
น่ารู้, รู้ไว้ใช่ว่า, กินยา, อาหารเสริม, ยา, วิตามิน, อันตราย, ระวัง, ตาย, กินคู่กัน, น่ารู้, รู้ไว้ใช่ว่า, กินยา, อาหารเสริม, ยา, วิตามิน, อันตราย, ระวัง, ตาย, กินคู่กัน, น่ารู้, รู้ไว้ใช่ว่า, กินยา, อาหารเสริม, ยา, วิตามิน, อันตราย, ระวัง, ตาย, กินคู่กัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
เบญจเพส หรือ วัยเบญจเพส เลขอายุที่ทุกคนเกรง 24 25 26 รู้แล้วป้องกัน ดีกว่าแก้ไขตอนที่เกิด ... อ่านต่อ
ตัวเลขเสริมบุคลิกภาพ เสริมเสน่ห์ให้ผู้หญิง ... อ่านต่อ
ตัวเลข 359 นักพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ... อ่านต่อ
ดูดวง / ฮวงจุ้ย
ทายนิสัย จากลายมือการเขียนตัวเลข ... BY : หมอเมท ... อ่านต่อ
คาถาทวงหนี้ คาถาอีกาวิดน้ำ ใช้สำหรับคนยืมเงินแล้วไม่คืนหรือของหาย ... อ่านต่อ
ตากระตุก ตาเขม่น ลางสังหรณ์ที่บ่งบอกเรื่องราวอะไร? ... อ่านต่อ
 

 


 


 


 


 


 


 


 


 


 

ขอเครดิตฟรีหน่อยครับสมัครปุ๊บรับปั๊บไม่ต้องฝากสล็อตออนไลน์ เครดิตโบนัสได้เงินจริง slot938 สล็อต สล็อตออนไลน์ thaicasinobin แจกเครดิตฟรี สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ JQK41 สล็อต เครดิตฟรี ไทยคาสิโนออนไลน์ thaibet55 kubet ไทยคาสิโนออนไลน์ แทงบอล ซอคเกอร์ลีก คะแนนฟุตบอล เว็บพนันอันดับ1 HUC99 เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์

หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย

бишкек эскорт

 

Copyright @2014 Horonumber.com All rights reserved.