อาจจะช้าไปสักนิดสำหรับการแกะกล่องและรีวิว Samsung Galaxy Gear ให้อ่านกัน / ในงาน TME2013 มีโปรโมชั่นซื้อ Note 3 + Gear จะได้ส่วนลด Gear 50% ผมก้เลยไม่พลาดที่จะสอย ต้องยอมรับว่าคิวยาวมาก (660 เครื่อง) ก้หมดภายในวันแรก

 

          กล่องของ Galaxy Gear จะมีรูปทรงสี่เหลี่ยม ด้านหน้ามีโลโก้ Samsung Galaxy Gear ด้านข้างจะมีบอกสีของนาฟิกาในกล่อง อย่างของผมเป็นสีส้ม ด้านข้างกล่องก้จะเขียนว่า Wild Orange
 

 

 

ด้านหลังของกล่องจะมีรายละเอียดของ Spec คร่าวๆเอาไว้ 

 

หน้าจอมีขนาด 1.63 นิ้ว (277.64ppi) รองรับมัลติทัช

ใช้หน้าจอแบบ Super AMOLED

ซีพียู Exynos single-core 800MHz

GPU : Mali-400 MP4 (210/500MHz)

หน่วยความจำในเครื่อง RAM 512 MB และ ROM 4 GB

กล้องความละเอียด 1.9 ล้าน มีออโต้โฟกัสและ Macro Mode

รองรับการใช้งานบลูทูธ 4.0

ถ่ายวีดีโอ (720p)

รองรับการใช้งานเซ็นเซ่อร์ Hub , Gyro , Accelerometer

มีไมโครโฟน 2 และลำโพง 1

แบตขนาด 315mAh

 

          อุปกรณ์ในกล่องก้จะตามภาพ แต่จริงๆแล้วตกไปชิ้นนึง ก้คืออุปกรณ์ที่เอาไว้สำหรับชาร์ต Galaxy Gear แต่ไม่เป็นไรผมถ่ายเก็บไว้แล้ว เดี่ยวจะเอามาให้ชมกันอีกรอบนึง

 

          ในภาพก้จะมีคู๋มือ !! ซึ่งแนะนำให้อ่านนะครับ หลายคนซื้อนาฟิกามาใช้งาน แต่ชาร์ตแบตไม่เป็น เริ่มใช้งาน Galaxy Gear เข้ากับ Note 3 ก้ไม่เป็นอีกเช่นกัน นอกจากคู่มือก้จะเป็น ตัว Galaxy Gear ที่ชาร์ต + สาย Miro Usb + และตัวตลับชาร์ต Gear

 

          สำหรับตัวนาฟิกาเองก้ไม่ได้ใหญ่จนน่าเกลียดเหมือนที่กลัวๆกัน ขนาดของตัวนาฟิกาน่าจะมาตรฐานทั่วๆไป ในส่วนที่เป็นตัวสายทำด้วยยางที่ทนทานสูง ส่วนตัวเรือนและตัวล้อกเป็นสแตนเลสสตีล น้ำหนักของ Galaxy Gear ก้ถือว่าพอมควรครับ ไม่ได้เบาแบบไม่รู้สึกว่าสวมใส่อะไรเอาไว้

 

          เวลาเราสวมนาฟิกาเข้ากับข้อมือเราสามารถควมคุม Galaxy Gear ได้ 3 แบบ ผมแยกออกเป็น 3 แบบนะครับที่เราจะต้องใช้งานบ่อยๆ 

 

 

          1. ปุ่มขวามือของตัวเรือนนาฟิกา : ปุ่มนี้ก้คือปุ่ม Power เอาไว้เปิดปิดเครื่อง / Restart / เลือกที่จะเปิดหรือปิดเสียง / และมี Outdoor Mode 

          สำหรับปุ่ม Power ตรงนี้นบางครั้งก้เอาไว้เปิดหน้าจอของ Galaxy Gear ขึ้นมาก้ได้เช่นกัน สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวนาฟิกาใช้งานในที่แจ้ง แสงเยอะดีมั้ย คำตอบก้อยู่ที่ Outdoor Mode นี่แหละครับ มันช่วยตรงนี้ได้เยอะ แต่ใช้งานในแสงปกติทั่วไปก้ดูได้แบบสบายๆ

 

          2. การจับเซ็นเซ่อร์ในตัวนาฟิกาเอง : ตัว Galaxy Gear มีการฝังเซ็นเซ่อร์เอาไว้หลายแบบเพื่อให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น ปกติเวลาเราไม่ได้ใช้งานนาฟิกา หน้าจอจะปิดตัวเองลงเข้าสู่โหมด Stand By และมันจะทำงานหากมีการหันนาฟิกาเข้าหาตัวเพื่อดูเวลา สำหรับระยะเวลาในการเปิดหน้าจอขึ้นมาเพื่อดูเวลา จะใช้เวลาประมาณ 2 วินาที ก้ไม่ช้านะครับ แต่ก้แน่นอนว่าไม่ได้รวดเร็วเหมือนนาฟิกาปกติทั่วไป

 

          3. การใช้งานทั่วไปของ Galaxy Gear เอง : ในเมื่อนาฟิการไม่ได้มีปุ่มสำหรับใช้งานอื่นๆ ก้จะใช้การทัชสกรีนเป็นการเลือกคำสั่งหรือเปลี่ยนเมนูต่างๆภายในตัวนาฟิกา

 

          การปาดหน้าจอจากบนลงล่าง จะเป็นการเข้าสู่โหมดกล้อง

          การปาดหน้าจอจากล่างขึ้นบน จะเข้าสู่โหมดโทรศัพท์

          การกดลงไปยังหน้าจอ คือการเลือกตกลง

 

          การใช้งานพื้นฐานก้จะประมาณนี้ ผมเล่นไปเขียนไปถ้ามีอะไรตกหล่น หรือเพิ่งนึกออกจะมาเขียนเพิ่มเติมอีกครั้ง

 

          ด้านซ้ายมือของตัวนาฟิกาจะเรียบๆไม่มีปุ่มให้เราใช้งานอะไร ในส่วนของตัวเรือนกับสายนาฟิกาจะตัดกันชัดเจน แต่มันแกะออกมาไม่ได้นะครับ

 

          กล้องของ Galaxy Gear จะอยู่ในส่วนบนของสายนาฟิกา ซัมซุงให้ความละเอียดของกล้องมาที่ 1.9 ล้าน มีออโต้โฟกัสและมาโครหมด ตัวกล้องจะนูนออกมาจากสายนาฟิกาพอสมควร แต่ก้ไม่ได้น่าเกลียด / ผมชอบกล้องนะ อารมณ์แอบถ่ายทำได้ดี 

 

 

          ตัวสายก็อย่างที่บอกเป็นยาง + โลหะที่ตัวล๊อค เราสามารถปรับระดับขนาดของสายนาฟิกาให้เหมาะกับข้อมือเราได้ / ใส่แล้วไม่ได้อึดอัดจนน่ารำคาญ ส่วนนึงเพราะตัวสายก้ไม่ได้แข็งมากจนบาดมือ
 

 

 

ด้านหลังในส่วนของตัวเรือนจะมีขั้วทองเหลืองเอาไว้ต่อกับที่ชาร์ต 

 

          มาดูในส่วนของแจ็กเก็ตที่เอาไว้ใส่สำหรับชาร์ต Galaxy Gear ซึ่งถ้าเราทำหายหรือลืมนำติดตัวไปด้วยก้จะไม่สามารถชาร์ตนาฟิกาได้

 

          ด้านหน้าชัดๆ เราจะต้องใส่ตำแหน่งที่มีขั้วทองเหลืองเข้าไปด้านเดียวกันกับตัวนาฟิกา ตัวแจ็กเก็ตเป็นพลาสติก ด้านหน้าที่ดูเหมือนเย็บขอบเป็นหนังก้เป็นพลาสติกทั้งหมดเช๋นกัน

 

ด้านหลังของตัวแจ็กเก็ตเราจะมองเห็นช่องเสียบสาย Micro Usb เอาไว้ชาร์ต

 

เวลาใช้งานจะมีปุ่มให้เราปลดล้อก เพื่อนำนาฟิกาเข้าไปวางไว้

 

ภาพเวลาใช้งานหากต้องการจะชาร์ตแบต Galaxy Gear 

 

          Galaxy Gear ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมี แต่ถ้าชอบ Gadget แบบนี้ก้ต้องยอมรับว่าน่าสนใจที่จะซื้อมาใช้งาน สำหรับแบตเตอรี่ผมใช้งานได้ 2 วันต่อการชาร์ต 1 ครั้ง และมีการเชื่อมต่อทั้งวัน วันนี้แกะกล่องและรีวิวตัวเครื่องกันไปก่อน ตอนหน้าจะมาเพิ่มเติมเรื่องการใช้งาน การเชื่อมต่อและเรื่องของกล้อง 

 

 

          Galaxy Gear มีกล้องให้มาด้วย สำหรับกล้องถึงแม้จะไม่ได้มีความละเอียดเยอะ แต่ภาพที่ถ่ายออกมาก้ถือว่าทำได้ดีพอตัวเหมือนกัน / Samsung ใส่ความละเอียดให้กับกล้องของนาฟิกาตัวนี้ 1.9 ล้าน มีออโต้โฟกัสมาให้ มีมาโครโหมด 
 

 

          เวลาถ่ายภาพเราแค่ปาดที่หน้าจอของนาฟิกา จากบนลงมาล่างก้จะเข้าโหมดการทำงานของกล้องทันที ไม่อยากจะบอกว่าเสียงชัตเตอร์มันดังมาก ผมยังไม่ได้ลองหาวิธีปิดว่ามันทำได้รึเปล่า แต่อารมณ์เวลาแอบถ่ายนี่ ผมกล้าฟันธงว่าดูไม่ออก
 

 

          นอกจากภาพนิ่งแล้ว Galaxy Gear ก้สามรถถ่ายวีดีโอได้เหมือนกัน / สำหรับภาพนิ่งถึงแม้จะมีออโต้โฟกัสแต่จะโฟกัสได้ตรงกลางของภาพเท่านั้น เราไม่สามารถเลือกจุดโฟกัสได้เอง สำหรับโฟกัสโหมดถ้าต้องการถ่ายแบบมาโครก้ไปเปลี่ยนได้ในเมนู Setting ของกล้อง ค่าเดิมๆจะมาแบบ ออโต้

 

 

          ภาพนี้อาจจะดูมืดๆไปเพราะตัวกล้องของ Gear มันไม่ได้ฉลาดขนาดปรับสภาพแสงได้สมจริงมากนัก แต่ถ้าถ่ายในที่แสงปกติทั่วไป มันก้ถือว่าทำได้ดีเกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้ตอนแรก สำหรับความละเอียดของภาพเราปรับได้ 2 แบบ 1392*1392 (1:1) และ 1280*960 (4:3)

 

          มีการใส่ลูกเล่นแบบ Sound&Shot ลงไปใน Gear / ลูกเล่นนี้น่ารักดี หลายๆคนอาจจะคุ้นใน Galaxy S4 หรือแอนดรอยรุ่นใหม่ๆ เราสามารถถ่ายภาพแล้วบันทึกเสียงลงไปได้ อาจจะถ่ายแล้วร้องเป็นเพลง Happy BirthDay เปิดให้เพื่อนได้ฟังกัน

 

          และอีกลูกเล่นสุดท้ายก้คือการใส่ลายน้ำลงไปในภาพ ถ้าเราเปิดใช้งานจะมีคำว่า Galaxy Gear ติดลงไปในภาพทันที / ไม่รู้จะเปลี่ยนลายน้ำได้รึเปล่า (ยังไม่ได้ลองหาดู)
 

 

          เวลาถ่ายแล้วเกิดอยากดูภาพว่ามัน Ok รึเปล่าให้เราปาดหน้าจอจากขวามือไปซ้ายมือในโหมด Camera ก้จะเจอในส่วนของ Gallery  ถ้าชอบก้เก็บไว้ ไม่ชอบก้กดมุมขวาด้านบนจะมีคำสั่งลบภาพออกไป
 

          ส่วนการย้ายภาพทั้งหมดจาก Gear มายัง Smart phone ให้เราออกมายังหน้าเมนูหลัก มองหาแอพ Gallery หลังจากนั้นให้กดแช่ที่ภาพที่ต้องการ หรือกดเลือกแบบทั้งหมด
 

          เราจะเห็นคำสั่ง 3 แบบอยู่ด้านล่างของภาพ ซ้ายสุดก้คือ แชร์ / ตรงกลางก้คือเชื่อมต่อภาพทั้งหมดเข้าไป Smart phone / และขวาสุดคือลบภาพทั้งหมด
 

          เราก็เลือกคำสั่งตรงกลาง แค่นี้ภาพก้จะถูกโอนไปยัง Smart phone ทันที .. ง่ายดีมั้ย

 

          ถ้าถามผม ผมพอใจกับภาพที่ได้จาก Galaxy Gear นะ / ดีกว่า Smart Watch แนวนี้ทุกรุ่นแน่ๆ / แต่ถ้าจะเอาให้ภาพดีกว่านี้คงจะต้องใช้ Smart phone ถ่ายแทนก้แล้วกัน

 

          ในที่มืด Gear จะได้ภาพที่ไม่ดีนัก .. กล้องออโต้โฟกัสก้จริงแต่จับได้แค่เฉพาะจุดกลางเท่านั้น สองจุดนี้ในความคิดผมถ้าจะไม่ชอบมัน

 

          ทั้งหมดถ่ายผ่าน Galaxy Gear และแค่เพียงย่อมาลงเว็บเท่านั้น / ขนาดลายน้ำผมยังขี้เกียจใส่เลยเนี่ย …
 

 

          นาฟิกาแนว Smart Watch มีอยู่หลายค่ายด้วยกัน สำหรับ Pebble ก้ทำงานได้น่าสนใจ เพียงแต่มันยังรองรับไทยไม่ได้ (ถึงแม้ตอนนี้จะมีคนทำให้อ่านไทยได้แล้วก้ตาม) แต่ดูเหมือนจะยังไม่ 100% ดังนั้น Gear อาจจะได้เปรียบเรื่องรองรับภาษาไทยได้ดีกว่า พร้อมกว่า ทำงานได้มากกว่า / แต่ถ้าให้เปรียบ Gear กับ Smart Watch 2 ตอนนี้ก้ยังคงบอกอะไรไม่ได้ชัดเจน วันไหนได้มีโอกาสใช้งาน จะมาเปรียบเทียบให้อ่านกัน

ที่มา : http://forum.thaiandroidphone.com

รีวิว ซัมซุงเกียร์, นาฬิกา Samsung Galaxy Gear รีวิว, review Samsung Galaxy Gear, คุณสมบัติ ซัมซุง เกียร์ นาฬิกา, นาฬิกาแอบถ่าย, รีวิว ซัมซุงเกียร์, นาฬิกา Samsung Galaxy Gear รีวิว, review Samsung Galaxy Gear, คุณสมบัติ ซัมซุง เกียร์ นาฬิกา, นาฬิกาแอบถ่าย