ใกล้สิ้นสลาย ของระบบการปกครองซาอุดิอาระเบีย

หลังสิ้นกษัตริย์องค์ปัจจุบัน "คิงส์อับดุลลอฮ์"

สัญญาณการล่มสลายของระบอบการปกครองของซาอุดิอาระเบีย  
การแบ่งซาอุดีอาระเบียระหว่างเจ้าชายมัตอับและมุฮัมมัด

          สำนักข่าวฟาร์ซ : แหล่งข่าวในซาอุดีอาระเบียได้ย้ำว่า ในทางปฏิบัติขณะนี้ ประเทศซาอุดีอาระเบียถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว และลูก ๆ ของกษัตริย์คนปัจจุบันกับและลูก ๆ ของอดีตมงกุฎราชกุมารแต่ละฝ่ายกำลังปกครองแต่ละส่วนของประเทศนี้

          ตามการรายงานของฟาร์ซ โดยอ้างจากเว็บไซต์ข่าวอัลอาลัม : แหล่งข่าวต่าง ๆ ของซาอุดิอาระเบียยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศซาอุดีอาระเบียถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว ส่วนหนึ่งนั้นลูก ๆ ของกษัตริย์คนปัจจุบันกำลังทำการปกครอง และอีกส่วนหนึ่งลูก ๆ ของอดีตมกุฎราชกุมารกำลังทำการปกครองอยู่

          "มัตอับ บินอับดุลลอฮ์" ลูกชายของกษัตริย์ซาอุดีอาระเบียคนปัจจุบัน ซึ่งไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับอาการป่วยของบิดาของเขา ซึ่งได้เตรียมพร้อมที่จะชิงชัยหลังจากการตายของบิดาของตน และได้ควบคุมเมืองหลวงฤดูร้อนของราชวงศ์ซาอูดในเมืองเจดดะฮ์ไว้แล้ว และทำนองเดียวกัน ได้ครอบครองเมืองสำคัญของแคว้นฮิญาซ อย่างเช่น มะดีนะฮ์ เมกกะ ฏออิฟและอับฮา ซึ่งมีครึ่งหนึ่งของประชากรของประเทศอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ และถือว่าเป็นเขตพื้นที่ที่มีความสำคัญในด้านศาสนา

          ส่วนในอีกด้านหนึ่ง "มุฮัมมัด บินนาอิฟ" ลูกชายของ "นาอิฟ บินอับดุลอะซีซ" อดีตมกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียที่เพิ่งเสียชีวิตไปล่าสุดนี้ ในสมัยบิดาของเขานั้น เขาเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งของกระทรวงมหาดไทยของซาอุดีอาระเบีย

          มุฮัมมัด บินนาอิฟ ซึ่งพำนักอยู่ในริยาด นอกเหนือจากการควบคุมเมืองหลวงไว้แล้ว สายตายังจรดจ้องไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ที่อุดมไปด้วยน้ำมัน และต้องการที่จะมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องส่วนแบ่งอำนาจ

          ตามคำรายงานของแหล่งข่าวชาวซาอุฯ ในขณะที่ราชวงศ์มีความพยายามที่จะปกปิดความขัดแย้งต่าง ๆ ภายในครอบครัวของตนเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจ แต่ทว่าสายตระกูลในชั้นที่สองของราชวงศ์ซาอูด ไม่ต้องการที่จะเข้าคิวรอ ต่างขวนขวายพยายามกันตั้งแต่บัดนี้เพื่อที่ว่าหลังจากการตายของกษัตริย์อับดุลลอฮ์จะได้ขึ้นสู่อำนาจได้ทันที

          มัตอับ ซึ่งระยะเวลายาวนานมากกว่า 3 ทศวรรษ ที่บิดาของเขามีอำนาจจัดการกิจการทั้งหมดในประเทศ เขาคือผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) ของซาอุฯ ตัวของมัตอับเองนั้น เขาเป็นทหารคนหนึ่งที่สำเร็จการศึกษาด้านนี้มาโดยตรง และยังมีอิทธิพลเป็นพิเศษเหนือบรรดาเจ้าชายที่อยู่ในกองทัพ และเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเลือกแคว้นฮิญาซ ก็เนื่องจากครอบครัวทางฝ่ายมารดาของเขามาจากเผ่า "ชิมร์" และเผ่านี้อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศซาอุดีอาระเบีย

          ส่วนมุฮัมมัด บินนาอิฟ คือผู้ซึ่งประมาณ 4 ทศวรรษ ที่แฟ้มต่าง ๆ ที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศอยู่ในอำนาจของเขา เขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลและติดตามในเรื่องเหล่านี้ เขามีเอกสารและหลักฐานจำนวนมากอยู่ในมือเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควร เขาจะบังคับให้บุคคลเหล่านั้นนั่งอยู่กับที่และยอมทำทุกอย่างตามเขา

          กล่าวกันว่า ผู้ที่จะต้องนั่งนิ่งอยู่กับที่อย่างเด็ดขาดที่สุดในขณะนี้ก็คือ "บันดาร์ บินซุลฏอน" ซึ่งขณะนี้คดีเกี่ยวกับซีเรียอยู่ในมือของเขา และเชื่อว่าด้วยเหตุผลของการบริหารจัดการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การฉ้อฉล และการยักยอกเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์จากทรัพย์สมบัติของประเทศนั้น เขาจะต้องถูกลงโทษในเร็ววันนี้

          แต่ประเด็นที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บทบาทของ "ซัลมาน บินอับดุลอาซิซ" มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบียคนปัจจุบัน แต่ซัลมาลซึ่งมีอำนาจควบคุมกระทรวงกลาโหมอยู่ในมือด้วยนั้นกำลังเป็นโรคมะเร็ง และในขณะเดียวกันก็มีโรคแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองอีกด้วย ซึ่งเหมือนกับพี่น้องคนอื่น ๆ ของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งต้องเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวไปมาระหว่างริยาดและนิวยอร์กตลอดเวลา เพื่อเยียวยารักษาอาการป่วยของตน

          ตามคำรายงานของแหล่งข่าวต่าง ๆ ในแวดวงรัฐบาลของซาอุดิอาระเบียได้กล่าวว่า สภาพของซัลมานนั้นย่ำแย่ขนาดหนักโดยที่ไม่มีโอกาสที่จะดูแลกิจการใด ๆ ของประเทศได้อีกแล้วนอกจากดูแลอาการเจ็บป่วยของตนเองเท่านั้น

          ประเด็นดังกล่าวนี้เอง ที่เป็นเหตุทำให้เกิดการแบ่งอำนาจกันอย่างจริงจังขึ้นในระหว่างชั้นหลานของราชวงศ์ซาอูด และประเด็นดังกล่าวนี้ยังได้ลามเข้าไปถึงบรรดามุฟตี (นักวิชาการศาสนา) ของซาอุฯ ด้วยเช่นกัน โดยที่บรรดาคณะเจ้าหน้าที่กำชับความดีและห้ามปรามความชั่วที่ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากกลุ่มวะฮ์ฮาบี จะให้การสนับสนุนเจ้าชายมุฮัมมัด บินนาอิฟ ส่วนบรรดานักวิชาการชาวซะละฟีที่ไม่มีแนวคิดวะฮ์ฮาบี และส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ในนครมักกะฮ์และมะดีนะฮ์ ได้ให้การสนับสนุนเจ้าชายมัตอับ บินอับดุลอฮ์

          การที่อับดุลลอฮ์ กษัตริย์ซาอุฯ ไม่ปรากฏตัวให้เห็นต่อหน้าสาธารณชนนั้นได้กลายเป็นข่าวลือที่แพร่สะพัดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่าอาจเกิดรัฐประหารขึ้นในซาอุดิอาระเบียแล้ว และบางแหล่งข่าวกล่าวว่า ปัญหาต่าง ๆ ภายในของซาอุดิอาระเบียได้กลายเป็นความซับซ้อนซ่อนเงื่อน และมีความตรึงเครียดอย่างมากถึงขั้นที่ว่า เหมือนกับดินปืนซึ่งแค่เพียงมีประกายไฟเพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา และจะทำให้เชื้อสายของราชวงศ์ซาอูดต้องจบสิ้นลงได้ในครั้งนี้

ที่มา : http://www.taqrib.info/