ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน สั่งประหารชีวิต มือปืนส่ายก้น

           ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ประหารชีวิต มือปืนส่ายก้น ยศพล แหก้าน พร้อมจ่ายสินไหมแก่ลูกของผู้ตายในจำนวนเท่าเดิม 

           วันนี้ (3 ธันวาคม 2557) ศาลจังหวัดชลบุรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดี นายยศพล แหก้าน อายุ 35 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิง นางสาวเกวลิน หงษ์ทอง แฟนสาว และนางวิมล หงษ์ทอง ว่าที่แม่ยายจนเสียชีวิต ภายในร้านประดับยนต์พีเอสโมดิฟายด์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจนว่าหลังก่อเหตุนายยศพลได้เดินส่ายก้นแสดงอาการเย้ยหยันและสะใจจนกลายเป็นข่าวครึกโครม

           โดยศาลชั้นต้นได้ทำการพิพากษาตัดสินโทษนายยศพล กรณีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่ใช่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์โดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุสมควร, ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 6 เดือน 

           สำหรับความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตัดสินให้มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว โดยแบ่งเป็น 2 กรรม ทั้งกรณีฆ่านางสาวเกวลิน และฆ่านางวิมล พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท และจ่ายค่าสินไหมให้แก่บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของนางวิมลอีก 2 คน เป็นจำนวนเงิน 1 ล้าน 4 แสน 1 หมื่นบาท โดยนายยศพลได้ทำการยื่นขออุทธรณ์เพื่อให้ศาลทำการลดโทษ โดยให้เหตุผลว่าที่กระทำไปนั้นเป็นการบันดาลโทสะ

           ทั้งนี้ศาลอุทธรณ์ได้ทำการอ่านคำพิพากษาคดีดำเลขที่ อ.5801/56 คดีแดงเลขที่ 480/57 โดยมีพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีเป็นโจทก์ร่วมฟ้องกับ นายณรงค์ หงษ์ทอง ผู้เป็นสามีและบิดาของผู้ตาย ความว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้ว่า จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืน ให้ลดโทษตามประมวลฎหมายอาญามาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ส่วนกรณีฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ศาลเห็นว่ากระทำไปด้วยเจตนาและมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนขณะก่อเหตุ ประกอบกับได้ทำการหลบหนีจนต้องออกหมายจับ และกระทำการเย้ยหยันกฎหมายโดยไม่มีความสะทกสะท้านในความผิดด้วยการเดินเต้นส่ายก้นหลังก่อเหตุ จึงตัดสินยืนกรานตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิตแบ่งเป็น 2 กรรม และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามเดิม 

           อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (3 ธันวาคม) นายยศพล ไม่ได้เข้ามาร่วมฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ด้วย เนื่องจากถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งทางศาลได้มอบหมายให้ทนายฝ่ายจำเลยเข้าไปอ่านคำพิพากษาให้ฟังในเรือนจำอีกครั้ง

ที่มา  www.Kapook.com