ถอดรหัสดวงดาว  วันลอยกระทง = วันเสียตัวแห่งชาติ

             “อิทธิพลในคืนวันจันทร์เพ็ญ ไม่ได้มีผลต่อมนุษย์เพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีอิทธิพลต่อสัตว์ เช่น ไส้เดือน หอยปากอ้า หรือปลา จึงเปรียบเทียบได้ว่ามนุษย์แสดงออกดังเช่น 'ปลา' จะมีอาการสดชื่น เบิกบาน

             ยามวิกาล...แสงนวลของดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบสองฝั่งแม่น้ำ ในคืนข้างขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งตรงกับ “วันลอยกระทง” ตามปฏิทินจันทรคติไทย ของทุกๆ ปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 6 พ.ย. 2557 สร้างบรรยากาศให้คืนวันลอยกระทงสวยงามสดใสขึ้น

             ความกลมโตของดวงจันทร์ ยังเป็นแรงดึงดูดให้ใครหลายคน แห่ออกมาชมภาพและแสงที่สาดส่องในคืนวันเพ็ญที่สวยงาม พร้อมสืบสานประเพณีที่ดีงามของไทย แต่อีกมุมหนึ่ง กับถูกขนานนามว่า...เป็น “วันเสียตัวแห่งชาติ” ของวัยรุ่นหนุ่ม-สาว...ที่อาศัยเป็นข้ออ้างในการจัดกิจกรรมรักส่วนตัว

             หลายคนคงสงสัยว่า “ดวงจันทร์” ในค่ำคืนวันลอยกระทง...มีอิทธิพลต่อมนุษย์อย่างไร หรือ “แสงจันทร์เพ็ญ” ที่สาดส่องลงมานั้น สามารถเคล้าคลอให้เกิดอารมณ์พิศวาสได้จริงหรือ???

             อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ถอดรหัสข้อข้องใจนี้กับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ไว้น่าสนใจว่า คืนวันจันทร์เพ็ญ หรือทางโหราศาสตร์เรียกว่า “วันปุรณมี” พระจันทร์จะมีอิทธิพลต่อมนุษย์มากที่สุด ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็น “วันลอยกระทง” ซึ่งหากเปรียบเทียบดวงจันทร์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอื่นๆ อิทธิพลที่มีผลต่อมนุษย์จะมีค่อนข้างน้อย

             ลักษณะของดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้...จะมีความกลมโต และมีขนาดใหญ่ เนื่องจากเคลื่อนเข้ามาใกล้โลก โดยโลกจะอยู่ระหว่างกลางและถูกขนาบข้างด้วยดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ ซึ่งจะเล็งกันเป็นเส้นขนานในเวลา 24.00 น. ของคืนวันลอยกระทง ด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าว “ดวงจันทร์” จึงมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในการควบคุมจิตใจ อารมณ์ และมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม เปรียบได้กับปลาที่กระโดดเล่นน้ำในคืนวันเพ็ญ ซึ่งในเพศหญิงจะเห็นได้ชัดเจนกว่าเพศชาย

             “อิทธิพลในคืนวันจันทร์เพ็ญ ไม่ได้มีผลต่อมนุษย์เพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีอิทธิพลต่อสัตว์ เช่น ไส้เดือน หอยปากอ้า หรือปลา จึงเปรียบเทียบได้ว่ามนุษย์แสดงออกดังเช่น 'ปลา' จะมีอาการสดชื่น เบิกบาน คึกคะนองเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะวัยหนุ่ม-สาว จนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และแสดงออกมาทางพฤติกรรม อาทิ กอด จูบ และลงเอยด้วยการหลับนอนในที่สุด และยังมีความเชื่อว่า หากได้ทำน้ำมนต์ในช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันลอยกระทง จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด”อาจารย์ภิญโญกล่าว

             อาจารย์ภิญโญ ระบุอีกว่า แสงของดวงจันทร์ที่สาดลงมานั้น แม้จะถูกบดบังด้วยเมฆดำครึ้ม มองไม่เห็นแบบเต็มดวง แต่ในทางโหราศาสตร์ก็ยังถือว่ามีอิทธิพลสูง สามารถทะลุทะลวงได้กระทั่งก้อนอิฐ อย่างไรก็ตาม...ปัจจัยทางด้านดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ในคืนวันลอยกระทง ไม่ได้มีแค่ดวงจันทร์ ที่เป็นตัวแทนของ “มายาจริต” แต่ยังมี “ดาวศุกร์” ที่ถือว่าเป็นดาวแห่งกิเลสตัณหา และเป็นตัวแทนของ “ราคะจริต” ทั้งยังมีดาวกำเนิดของแต่ละคนเป็นปัจจัยเสริม และจารีตประเพณีที่ดีงาม เป็นองค์ประกอบร่วมด้วย

             ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า...เจตนาของการลอยกระทงที่แท้จริง...ตามความเชื่อของคนโบราณที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา คือการขอขมาต่อพระแม่คงคา และการสะเดาะเคราะห์ ลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บไปกับสายน้ำ หรือรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา น่าจะเป็นสิ่งที่พึงกระทำที่สุด

             มากกว่า...ที่จะคิดแต่ความคึกคะนอง นำ “มายาจริต” มาผสมกับ “ราคะจริต” จนนำไปสู่ “อารมณ์ + ความใคร่” ที่สุดท้ายก็ไปจบลงด้วย “เซ็กส์”

             แม้แสงนวลระเรื่อในคืนวันจันทร์เพ็ญจะมีอิทธิพลจากดวงดาว...ส่งผลให้เกิดความคึกคะนอง ทั้งมายาจริตและราคะจริต...แต่การมี “สติ” ต่างหาก...ที่จะชั่งใจและยับยั้ง...มิให้ “อารมณ์” มาอยู่เหนือ “ความเหมาะสม” ต่างหาก!!!

ที่มา : dailynews