ชาวศรีสะเกษ เอือมระอา!
ขอนิมนต์ หลวงปู่เณรคำ ไปวัดอื่น
 

 

 

 

           ชาวศรีสะเกษ เอือมระอา ! ขอนิมนต์ หลวงปู่เณรคำ ไปวัดอื่น ชี้ทำจังหวัดเสื่อมเสียชื่อเสียง ใช้วัดป่าขันติธรรมเพื่อหาเงินเท่านั้น 

 

           วันนี้ (1 กรกฎาคม) หลังจากข่าวของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือ พระวิรพล สุข ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ ได้ถูกเผยแพร่ไปในช่วงตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ทำให้ประชาชน จ.ศรีสะเกษ ไม่พอใจ เนื่องจากทำให้ชื่อเสียงของชาวศรีสะเกษเสียหาย 

 

           โดย นายวุฒิพงษ์ คำเพราะ อายุ 43 ปี ชาวศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนในฐานะประชาชนชาวศรีสะเกษได้รับทราบเรื่องดังกล่าว ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนไม่เคยศรัทธาหลวงปู่เณรคำเลย หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าวัดของหลวงปู่เณรคำอยู่ที่ไหน สำหรับข่าวของหลวงปู่เณรคำนั้น สร้างความเสื่อมเสียให้กับชาวศรีสะเกษเป็นอย่างมาก ตอนนี้คนศรีสะเกษและคนไทยทั้งชาติ ก็เอือมระอากับพฤติกรรมของหลวงปู่เณรคำอย่างยิ่ง 

 

           นายวุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า ถ้าหลวงปู่เณรคำคิดว่าตัวเองเป็นทองเป็นนาคจริง ก็ต้องทนความร้อนได้ และก็ต้องกล้าที่จะออกมาพูดความจริง แต่เท่าที่ตนดู หลวงปู่เณรคำน่าจะเป็นทองเก๊มากกว่า เพราะตนและชาวศรีสะเกษส่วนใหญ่ไม่ได้ศรัทธา ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ และหลวงปู่เณรคำก็ไม่ได้เป็นความภาคภูมิใจของคนในจังหวัด มีแต่ชาวบ้านจากภาคอื่นเท่านั้นที่มากราบไว้หลวงปู่เณรคำ ซึ่งตนเห็นว่า ถ้าคนภาคอื่น จังหวัดอื่น ศรัทธาหลวงปู่เณรคำมาก ก็ควรจะนิมนต์ให้ย้ายไปอยู่จังหวัดนั้น ๆ เลย 

 

           นอกจากนี้ นายวุฒิพงษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ชาวศรีสะเกษ กำลังรวมตัวกันเพื่อนิมนต์หลวงปู่เณรคำไปอยู่จังหวัดอื่น จังหวัดที่ท่านชอบ เนื่องจากทนไม่ไหวที่จะให้หลวงปู่เณรคำมาสร้างความเสื่อเสียให้จังหวัดมากไปกว่านี้ และเท่าที่ทราบมา หลวงปู่เณรคำก็ไม่ค่อยจำวัด จะมาวัดป่าขันติธรรมก็ต่อเมื่อมีงานวัด แถมเรื่องการสร้างวิหารครอบองค์พระแก้วมรกตจำลองใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด มีแต่มาหาเงินกับชาวบ้านเท่านั้น 

 

           อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของชาวศรีสะเกษไม่ให้บอบช้ำไปมากกว่านี้ จึงอยากจะขอนิมนต์หลวงปู่เณรคำไปอยู่วัดอื่น เพราะหลวงปู่เณรคำใช้สถานที่นี้เป็นสถานที่หาเงินเท่านั้น และตนก็เชื่อว่าหลวงปู่เณรคำก็ไม่ได้อยากอยู่ที่วัดป่าขันติธรรมเท่าใดนักเช่นกัน

 

 

            ลูกศิษย์ หลวงปู่เณรคำ เตรียมยื่นเรื่องไปยังมหาเถรสมาคม เพี่อให้ชี้แจงว่า ขัดต่อพระธรรมวินัยสงฆ์ในข้อใด ลั่นที่เจ้าตัวยังไม่กลับไทยเพราะต้องการกู้ชื่อเสียงคืนให้ได้ก่อน จากนั้นจะทำการฟ้องคนปล่อยภาพตัดต่อที่ทำให้เสื่อมเสีย

 

            เมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน 2556) ที่พักสงฆ์ขันติธรรม หรือ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานองค์กรเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ศิษย์หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 มิถุนายน 2556 พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ให้พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เข้ามาปรึกษาหารือกับ หลวงพ่อปานขาว ซึ่งถือเป็นรักษาการประธานที่พักสงฆ์ขันติธรรม

 

            จากการปรึกษาหารือกัน พระครูวัชรสิทธิคุณ ได้รับข้อเสนอของหลวงพ่อปานขาว และให้ตนนำข้อเสนอดังกล่าวส่งไปยังมหาเถรสมาคม ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดมีอยู่ 3 ข้อหลัก และอีก 6 ข้อย่อย ประกอบด้วย

         

            1. ตลอดระยะเวลาที่เกิดข่าวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ปรากฏข้อใดที่หลวงปู่เณรคำ ขัดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งก็ขอให้ทางเถรสมาคมได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงว่า หลวงปู่เณรคำ ผิดพระธรรมวินัยข้อใด เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและประชาชนได้เข้าใจ 

 

            2. ตนจะรับหน้าที่ดำเนินการหาความจริงในเรื่องที่มีภาพหลวงปู่เณรคำถูกตัดต่อ นอนอยู่กับผู้หญิงเพื่อจะนำมาชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งจริง ๆ แล้ว ในเรื่องนี้มีการยืนยันจากฝ่ายเทคนิคแล้วว่า ภาพนั้นเป็นภาพถูกตัดต่อจริง

 

            3. ในเรื่องจัดตั้งวัด ทางคณะกรรมการหมู่บ้านจะรีบรวบรวมข้อมูล และประสานงานขอจัดตั้งที่แห่งนี้ให้เป็นวัดอย่างเป็นทางการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงแนะนำในการดำเนินการขอจัดตั้งสร้างวัด 

 

                 3.1 ในเรื่องทรัพย์สินของวัดทั้งหมด ทางเราจะมีการดำเนินการรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดให้มีการทำบัญชี ทั้งบัญชีรับเก่า ทั้งบัญชีรับใหม่ ทั้งหนี้สินที่เกิดขึ้น เพื่อรวบรวมให้เป็นตัวบัญชีโดยสมบูรณ์ให้เร็วที่สุด

 

                 3.2 จะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยภาพอันไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำตามกฎหมาย โดยจะมีการเชิญนักกฎหมายระดับโลกและนักกฎหมายที่มีจรรยาบรรณมาดำเนินการกอบกู้ชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำกลับมา

 

                 3.3 เราจะดำเนินการให้มีการนำมูลนิธรรมมาดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อรองรับทรัพย์สินของวัดที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทรัพย์สินตรงนี้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างแท้จริง ซึ่งเราจะใช้เพียงดอกผลเท่านั้น

 

                 3.4 จะดำเนินการจัดตั้งกองทุนที่จะทำสื่อธรรมะ หรือกองทุนกอบกู้ชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำ ในรูปแบบบ้านวิมุตติธรรม เพื่อให้ธรรมะของหลวงปู่ได้มีการเผยแพร่ไปสู่ทุกหลังคาเรือนทุก ๆ จังหวัด ในประเทศและต่างประเทศ

 

                 3.5 ถ้าวันที่ 5 ธันวาคม 2556 มีการดำเนินการก่อตั้งวัดและมูลนิธิเสร็จสมบูรณ์ จนไม่มีเรื่องมลทินแล้ว ทางเราจะมีการกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตจัดงานในวันที่ 5 ธันวาคม และจะถือโอกาสฉลององค์พระมรกตจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในวันนั้นด้วย

 

                 3.6 หากหลวงปู่เณรคำ และทางวัด ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการทำลายกันอย่างต่อเนื่อง ทางเราก็จะมีการทำหนังสือถวายฎีกาต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อที่จะขอให้พระองค์ได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย เพื่อที่จะได้ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา และองค์หลวงปู่เณรคำต่อไป

 

            นอกจากนี้ นายสุขุม ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า การที่หลวงปู่เณรคำยังไม่กลับมาประเทศไทยนั้น เพราะท่านเป็นพระที่มีประชาชน ญาติโยม เคารพศรัทธาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นท่านจึงจะต้องจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นก่อน เพื่อให้ท่านกลับมาอย่างสง่างาม และตอนนี้ท่านกำลังปฏิบัติภารกิจที่สำคัญอยู่ คือ การรวบรวมนิกายของพระพุทธศาสนาทุกนิกายที่อยู่ในประเทศยุโรปให้รวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งท่านไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย