สรุปคดีฆาตกรรมคุณเอกยุทธคร่าวๆดังนี้
1. นายสันติภาพ คนขับรถ แฝงตัวเข้ามาตั้งแต่แรก โดยมีประวัติเป็นลูกน้องมาเฟียใหญ่คับกรุง
2. คุณเอกยุทธเอกยุทธพลาด ที่เปิดรับสมัครคนขับรถผ่านอินเตอร์เน็ต
3. ปกติคุณเอกยุทธจะมีการ์ด 2-3 คนคอยประกบเสมอ สันติภาพรอจังหวะอยู่หลายเดือนจนมีวันที่การ์ดไม่ได้ติดตาม
4. นายสันติภาพไม่ได้ทำคนเดียว และทีมพัทลุงที่ถูกจับ ไม่ใช่ทีมที่รออยู่ในรถหน้าร้านกระแต เป็นแค่สัปเหร่อ
5. ทีมที่รออยู่ในรถ ตั้งใจมาอุ้มฆ่า แต่คุณเอกยุทธยื้อชีวิตด้วยการต่อรองจะให้เงินมากกว่าที่รับงานมา
6. คุณเอกยุทธให้ไปเอาเงินที่บ้านเพราะต้องการให้ภาพอยู่ในกล้องวงจรปิด จึงบอกทีมฆ่า กลับไปเอาเงินที่บ้าน
7. คุณเอกยุทธคิดหาทางหนี จึงโทรถามพี่สาวเรื่องกุญแจบ้านหวังให้พี่สาวรู้ แต่พี่สาวไม่เอะใจ
8. ทีมฆ่าเห็นกล้องวงจรปิด จึงเอาออก
9. เงินสดไม่มี คุณเอกยุทธต้องการยื้อชีวิตต่อ จึงขอให้รอเบิกเช็คพรุ่งนี้ตอนแบงก์เปิด
10. ทีมฆ่าจึงพาไปกักตัวต่อที่บ้านพี่สาวสันติภาพ (สายล่อฟ้ารู้จากพิกัดมือถือ ปรากฏที่ลาดกระบัง บ้านพี่สาวจริงๆ)
11. รุ่งขึ้น คุณเอกยุทธพยายามส่งสัญญาณด้วยการเขียนเช็คผิดพ.ศ. แต่แบงก์ไม่เอะใจ
12. เมื่อได้เงินแล้ว ก็รอจนเย็นเพื่อจะพาไปฆ่า แต่คุณเอกยุทธโดดหนีจากรถได้ทั้งกุญแจมือ แต่ถูกจับได้
ถูกลากเข้ามาในรถ และรัดคอ
13. ความตั้งใจแรกคือ "ต้องการไม่ให้มีศพ หายไปเลย (แบบคดีทนายสมชาย ที่ไม่เจอศพก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไร
ได้ ต้องยกฟ้องตำรวจ 4 ใน 5 คน)
14. จากนั้น ก็จัดการแถลงข่าวเลย โดยให้นายสันติภาพเขียนคำบอกว่าคุณเอกยุทธหนีไปพม่าเอง
15. การสืบสวนมีพิรุธมาก ดังนี้
15.1 ทีมกองปราบซึ่งครอบคลุมทั่วปท. ต้องเป็นผู้ทำคดีร่วมกับบชน. กลับถูกกีดกันออกไป ไม่ให้กองปราบเข้ามา
ในห้องสอบสวนด้วย
15.2 ในการจับตัวผู้ต้องหา กลายเป็นทีม กด.ดส. (ตำรวจเกี่ยวกับคดีเด็กและสตรี) ซึ่งมาเกี่ยวอะไรด้วยไม่ทราบ?
15.3 ปรากฏว่านายตำรวจที่คุมกด.ดส. คือ พ.ต.อ. นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ซึ่งเป็นผู้ตามจับสันติภาพมาได้แบบ
งุบงิบมาก คือ 1 ในจำเลยคดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย ชื่อและยศในขณะนั้นคือ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน ซึ่ง
ปัจจุบันเป็นคนสนิทของคำรณวิทย์
ทุกอย่างจะเรียบร้อยตามแผนว่า หาศพไม่เจอ แปลว่าเป็นบุคคลสาบสูญ ทุกคนก็จะลืม หากไม่มี "คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต" นั่นคือปัจจัยที่คนบงการคาดไม่ถึง...
ทนายสุวัตร!
ทนายสุวัตรตามกัดคดีนี้ไม่ปล่อย ถึงกับเอาตัวกระโดดเข้าไปขวางรถของคำรณวิทย์ ประกาศว่าถ้าไม่ให้มีส่วนรู้เห็นในการสอบสวนสันติภาพด้วย ก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
แผนเดิมจึงแตกโพละ ต้องเปลี่ยนแผนใหม่เป็นการแถลงข่าวครั้งที่ 2 โดยให้นายสันติภาพรับว่าเป็นคนฆ่าเอง
มั่นใจมากว่าไม่ใช่ฆ่าชิงทรัพย์ธรรมดา
