เที่ยวเมือง เว้ เมืองมรดกโลก เวียดนาม
เว้ เมืองมรดกโลก เวียดนาม
 
          เว้ เป็นชื่อของเมืองหลวงของจังหวังถัวเทียน-เว้ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีทัวร์ท่องเที่ยวมาลงที่เมืองเว้ประจำ เมืองเว้ อยู่ห่างจาก มุกดาหาร(ไทย) – สะหวันนะเขต (ลาว) ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง สามารถเดินทางเช้าถึงเย็นภายในวันเดียวได้ นับเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเที่ยวระหว่างประเทศไทย-ลาว-เวียดนาม ที่ประหยัดที่สุด และสะดวกปลอดภัยในระดับหนึ่ง
 
 
          ภูมิศาสตร์ เมืองเว้ ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้ เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง ซึ่งเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ หาดทราย เนินทราย และทะเลสาบ นอกจากนี้ยังเป็นเขตพื้นที่ป่าไม้สำคัญที่สุดของเวียดนาม ส่วนสภาพภูมิอากาศในเมืองเว้ ค่อนข้างร้อนตลอดทั้งปี โดยรวมมีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน ช่วงปลายเดือนตุลาคม – เมษายน ส่วนฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม อุณหภูมิสูงสุดวัดในหน้าร้อนเกือบ 40 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 20 องศาเซลเซียส
 
 
          ประวัติศาสตร์ของเมืองเว้ เดิมเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ในความปกครองของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) ในแผ่นดินของราชวงศ์เล แต่ราชวงศ์ปกครองได้ไม่นานก็เกิดสงครามแบ่งแยกดินแดนขึ้น ทางตอนเหนือและตอนใต้ เหวียนฉวาง หรือที่คนไทยรู้จักพระองค์ในชื่อว่า องเชียงสือ ซึ่งเป็นผู้ปกครองเวียดนามใต้อยู่ในขณะนั้นได้ปราบกบฏลง และรวบรวมดินแดนทางตอนเหนือและตอนใต้เข้าไว้ด้วยกัน ในปี พ.ศ. 2345 พร้อมกับสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหวียน มีศูนย์กลางการปกครองอยู่เมืองเว้
 
 
          แต่หลังจากที่พระเจ้ายางลองปกครองได้เพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ ในช่วงระยะเวลานี้จักรพรรดิผลัดกันขึ้นสู้ชิงบัลลังก์ในช่วงสั้นๆ การเดินขบวนต่อต้านฝรั่งเศสและการต่อสู้กับลัทธิจักรพรรดินิยม รวมถึงเหตุการณ์ต่อมาคือ การยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ. 2488 และในสิงหาคมปีเดียวกันนี้เองที่ พระเจ้าเบ๋าได่ ได้สละราชสมบัติ จึงถือได้ว่าเมืองเว้ เป็นจุดต้นเริ่มต้นราชวงค์เหวียน และเป็นราชธานีสุดท้ายของราชวงศ์เหวียนเช่นกัน
 
 
          แม้ว่า เมืองเว้ จะได้รับความเสียหายจากพิษภัยของสงครามรวมชาติเวียดนามไปบ้าง แต่ก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองของนครจักรพรรดิอยู่อีกไม่ น้อยเช่นกัน แต่ละแห่งล้วนมีเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้นักเดินทางได้เข้าไปเยี่ยมชม ตั้งแต่พระราชวัง สุสานจักรพรรดิ ตลอดตนแม่น้ำหอม แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านใจกลางเมือง และด้วยความเจริญรุ่งเรืองในอดีต โบราณสถานอันงดงามและทรงคุณค่า วัฒนธรรมที่มีแบบฉบับของตนเอง เว้ จึงได้รับการยืนยันจาก องค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2536 สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยม เยือนเมืองมรดกโลกริมแม่น้ำหอมที่ไม่ได้สูญหายไปพร้อมกับกาลเวลาแห่งนี้
 
สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใน เมืองเว้
 
นครจักรพรรดิ หรือนครต้องห้าม (Imperial Enclosure / Forbidden Purple City)
 

 
          การมาเที่ยวเมืองเว้ โปรแกรมที่พลาดไม่ได้ ก็คือ การได้มาชมนครแห่งจักรพรรดิที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมรดกตกทอดอันยิ่งใหญ่และ สวยงามของราชวงศ์เหวียน นครจักรพรรดิหรือพระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามแบบแผนความเชื่อของจีน ได้รับการออกแบบให้มีกำแพงล้อมรอบถึง 3 ชั้น
 
          จุดน่าสนใจของการเที่ยวชม หลัง จากที่นักท่องเที่ยวข้ามสะพานเดินลองผ่านซุ้มประตูหรือกำแพงชั้นนอกเข้าไป จะได้พบกับ ซุนทานกง หรือ ปืนใหญ่ 9 เทพเจ้า ซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ หมายถึงเทพ 5 องค์ ตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ และดิน ส่วนอีก 4 องค์ เป็นตัวแทนของฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูใน 1 ปี
 
 
          ถัดมาเป็นกำแพงเหลือง ซึ่งเป็นกำแพงชั้นกลางที่ล้อมรอบนครของจักรพรรดิ พระราชวัง วัด และสวนดอกไม้เอาไว้ ในส่วนนี้มีประตูทางเข้าที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม 4 ประตู ประตูที่สำคัญที่สุด คือ โหงะโมน หรือ ประตูเที่ยงวัน ที่สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยหินแกรนิตในสมัยพระเจ้ามิงห์หม่าง เมื่อนักท่องเที่ยวผ่านลอดประตูชั้นที่สอง โดยข้ามสะพานน้ำทอง ซึ่งเคยถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิเท่านั้น จะเจอกับพระราชวังไทเฮา อันเป็นวังที่สำคัญที่สุดในนครจักรพรรดิ ใช้สำหรับต้อนรับเชื้อพระวงศ์ระดับสูง และนักการทูตต่างประเทศ นอกจากนั้นราชสำนักยังใช้เป็นที่จัดงานฉลองสำคัญต่างๆ เช่นกัน ส่วนวัดวาอารามภายในกำแพงแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับขุนนางหลายคน วัดสำคัญคือ วัดเถเหมียว ซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับผู้ปกครองในราชวงศ์เหวียน ถัดมาส่วนในสุดของนครจักรพรรดิ คือ ตือกามแทงห์ หรือนครต้องห้ามของจักรพรรดิ ที่ถูกสงวนไว้เฉพาะจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์นั้น
 
สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก (Tomb of Tu Duc)
 

 
          สุสานของพระเจ้าตือดึ๊ก แม้จะมีตัวอาคารใหญ่ไม่มากนัก แต่ก็มีความสวยงามลงตัวของสถานที่ ซึ่งตามบันทึกกล่าวว่าพระองค์ได้ทรงออกแบบเองเกือบทั้งสิ้น สุสานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2407 ใช้เวลา 3 ปี จึงแล้วเสร็จ โดยใช้แรงงานคนถึง 3,000 คน พระเจ้าตือดึ๊กเป็นโอรสของพระเจ้าเถี่ยวตรีจักรพรรดิองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์เหวียน ที่ทรงครองราชย์นานถึง 36 ปี
 
 
          จุดเด่นน่าชมของสุสาน แห่งนี้ คือ ตำหนัก 2 แห่งภายใต้อาคารไม้เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูเคียม อันรายล้อมด้วยดอกบัวที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่ว พระองค์ทรงใช้เวลาว่างในตำหนักแห่งนี้นิพนธ์บทกวีและพักผ่อนหย่อนใจด้วยการ ตกปลา ถัดมาที่ส่วนกลาวงของสุสานมีศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่กล่าวถึงพระเกียรติคุณ และเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นในรัชสมัย และอาคารทรงโรงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นโรงละครสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ส่วนตัวสุสานของพระองค์นั้นอยู่ด้านในสุด รายล้อมไปด้วยความร่มรื่นของทิวสน ต้นไม้ที่แสดงถึงความเป็นอมตะ เพราะมีต้นไม้เพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่มีใบเขียวตลอดปี ชาวเวียดนามจึงนำไปเปรียบเทียบกับความเป็นอมตะขององค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ เหวียน
 
สุสานจักรพรรดิมินห์มาง (Tomb of Minh Mang)
 

 
          การก่อสร้างสุสานแห่งนี้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2383 หรือ 1 ปี ก่อนสิ้นพระชนม์ และสำเร็จลงโดยพระเจ้าเถี่ยวตรี รัชทายาทของพระองค์ในปี พ.ศ. 2386 พระเจ้ามิงห์หม่างเป็นพระโอรสองค์ที่ 4 ของพระเจ้ายาลอง และเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 2 ในราชวงศ์เหวียน พระองค์ทรงสร้างนครจักรพรรดิ และได้รับการยกย่องอย่างสูงจากการที่ทรงปฏิรูปขนบธรรมเนียมประเพณีและ เกษตรกรรม พระองค์ทรงยึดมั่นในแบบแผนการบริหาร การปกครองตามแบบจีน โดยการให้หัวเมืองต่างๆ มาขึ้นตรงต่อราชสำนัก รวมทั้งนโยบายต่อต้านฝรั่งเศสและปราบปรามพวกนอกศาสนาอย่างรุนแรง ซึ่งนโยบายนี้เองที่ทำให้เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
 
 
          การเที่ยวชม : จุดแรกของการเยี่ยมชม คือ บริเวณลานกว้างที่มีรูปสลักหินของเหล่าบรรดาช้าง ม้า ทหาร และขุนนาง ที่ตั้งเรียงรายอยู่ สองฟากฝั่งผลงานชิ้นยอดของช่างฝีมือนิรนามหลายคน ถัดเข้ามาเป็นศิลาจารึกที่ตั้งแท่นบูชาดวงพระวิญญาณ และพระตำหนักด้านในที่แวดล้อมไปด้วยบึงน้ำและสวนอันร่มรื่น ซึ่งจากพระตำหนักนี้เอง สามารถมองเห็นหลุมฝังพระศพเป็นเนินดินวงกลมขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยรั้วสูง แต่ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าตำแหน่งของที่ฝังพระศพที่แน่นอนนั้นอยู่ตรงไหน เพราะไม่อนุญาตให้ผู้ใด นอกจากผู้ที่ทำการฝังพระศพเข้าไป และผู้ที่ทำการฝังพระศพนั้นจะต้องฆ่าตัวตาย ตามพระองค์ด้วยเพื่อเป็นข้าราชบริพารรับใช้พระองค์ในภพหน้า
 
สุสานของพระเจ้าไคดิงห์ (Tomb of Khai Dinh)
 
 
          เป็นเพียงสุสานเดียวที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกร่วมกับ สถาปัตยกรรมตะวันตก ซึ่งอาจจะมองได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่อยู่ในยุคการล่าอาณานิคม หรือมองอีกมุมหนึ่ง เป็นสถาปัตยกรรมสุดแปลก ที่เกิดจากการผสมผสานแบบสุดขั้วระหว่างจีนและยุโรป สุสานแห่งนี้ถูกสร้างในสมัยจักรพรรดิไคดิงห์ เพื่อใช้เป็นสุสานของพระองค์ แต่แล้วสุสานไม่ทันสร้างเสร็จก็ทรงสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน ภารกิจสร้างสุสานแห่งนี้ต่อจึงตกเป็นของ บ๋าวได่ พระราชโอรส จึงสร้างแล้วเสร็จ สุสานแห่งนี้สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 11 ปี
 
 
          การเที่ยวชม เริ่มจากทางเดินขึ้นสุสานได้รับการตกแต่งเป็นบันไดมังกรอันโอ่อ่าที่จะพาคุณ ขึ้นไปสู่ สานชั้นหนึ่ง จากนั้นมีบันไดต่อไปยังลานชั้นสองที่เรียงรายด้วยรูปปั้นหินของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือน กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอักษรจีน นิพนธ์โดยพระเจ้าเบ๋าได่ เพื่อรำลึกถึงพระบิดาของพระองค์ ส่วนด้านบนสุดเป็นพระราชวังเทียนดิงห์ ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยการใช้กระเบื้องสีปูพื้นจิตรกรรมฝาผนังภาพ มังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่ที่วาดโดยใช้ศิลปินที่เขียนภาพด้วยเท้า ประดับอยู่บนเพดานกลางห้องโถง ส่วนทางซ้ายและขวาเป็นภาพเฟรสโกอันเต็มไปด้วยสีสันที่ตกแต่งด้วยการฝังกระจก สีและกระเบื้องนับพันชิ้น แสดงถึงเรื่องราวมากมายของสัตว์ ต้นไม้ และดอกไม้ ตลอดจนรูปปั้นสำริดขนาดเท่าองค์จริงของพระเจ้าไคดิงห์ ซึ่งสร้างที่ฝรั่งเสศในปี พ.ศ. 2465 ตั้งอยู่บนยกพื้น ด้านบนของสุสาน
 
อุโมงค์หวิงห์ม็อก (Vinh Moc Tunnel)
 

 
          อุโมงค์หวิงห์ม็อก ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเว้มาทางทิศเหนือราว 65 กิโลเมตร นับเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่คนทั้งหมู่บ้านอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปีเพื่อหลบภัย จากการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในสมัยสงครามเวียดนาม แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะพากันอพยพไปอยู่ในส่วนอื่นๆ ของประเทศ แต่ก็มีชาวบ้านจำนวนกว่า 300 คน ที่ยังอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์คนรูแห่งนี้เป็นเวลากว่า 5 ปี นับจากปี พ.ศ. 2509-2514
 

 
          ภายในเครือข่ายอุโมงค์ที่มีความยาวกว่า 2,000 เมตร นี้ แบ่งออกเป็น 3 ชั้น มีทางเข้าออกทั้งหมด 13 ทาง แต่ละชั้นจะมีการสร้างเป็นห้องต่างๆ ทางซ้ายและขวา โดยชั้นแรกมีจุดเด่นน่าชมอยู่ที่ห้องที่ใช้คลอดเด็กทารกถึง 17 คน และชั้นที่สองเป็นส่วนที่ใช้ในการประชุมในสมัยสงคราม จากนั้นจะมีทางเดินลงสู่ชั้นที่ 3 ของอุโมงค์ ซึ่งค่อนข้างชันควรใช้ความระมัดระวัง อุโมงค์หวิงห์ม็อก สามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี เพียงแต่ในฤดูฝนอาจจะมีความยากลำบากในการเดินทางสักหน่อย และควรนำไฟฉายติดตัวมาด้วยเพราะทางเดินภายในอุโมงค์ค่อนข้างมืด
 
นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าเที่ยวอื่นๆ บริเวณ เมืองเว้
 
วัดเทียนหมุ (Thien Mu)
 
 
          เป็นวัดพุทธมหายาน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นอาคารทรงเจดีย์แปดเหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นใน ค.ศ.1601 ในสมัยขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) คำว่า เทียนหมุ แปลว่า เทพธิดา ดังนั้น นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญมาเยือนจึงตั้งชื่อภาษาไทยให้ว่า “วัดเทพธิดาราม”
 
วัดนามซาว (Nam Giao)
 
 
อยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำหอม ประมาณ 2 กิโลเมตร เคยเป็นวัดที่มีความสำคัญในสมัยราชวงศ์เหวียน ภายในวัดมีบันไดทางเดินขึ้นไปบนแท่นวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตถูกใช้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยมีแนวคิดการออกแบบวางอยู่บนความเชื่อปรัมปราที่ว่า สวรรค์เป็นวงกลม และโลกเป็นสี่เหลี่ยม แทนบูชาที่อยู่บนสุดหมายถึงตัวแทนทรวงสวรรค์ และล่างสุดพื้นดินหมายถึงมนุษย์ ผู้มาขอพึ่งบารมีจากสวรรค์บนฟ้า
 
สะพานเหี่ยนเลือง (Hien Luong)
 
 
          อยู่ทางตอนเหนือของเมืองเว้ เป็นสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่ เพื่อเชื่อมทางหลวงหมายเลขหนึ่งทั้งสองฝั่งแม่น้ำเบ๊นหายแทนสะพานเดิมเก่า แก่ ในอดีตนั้น ค.ศ.1954 สะพานเ...่ยนเลืองเคยเป็นจุดเชื่อมระหว่างเวียดนามเหนือและใต้ ตามแนวเส้นขนานที่ 17 ก่อนเกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ และรวมชาติเวียดนามในท้ายที่สุด
 
          นอกจากนี้ เมืองเว้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชืงธรรมชาติอีกมากมาย ที่ยังรอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสด้วยตนเอง..
 



 
ที่มา : http://www.postjung.com/ 
สถานที่ท่องเที่ยว, เที่ยวไหนดี, เที่ยวเวียดนาม, เวียดนาม, เมือง เว้, เมืองมรดกโลก, ไปเวียดนามเที่ยวไหนดี, ที่เที่ยวใหม่ๆ, ประเทศเวียดนาม, อาเซียน, AEC, สถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียน, ประชาคมอาเซียน, ต้อนรับ AEC, สถานที่ท่องเที่ยว, เที่ยวไหนดี, เที่ยวเวียดนาม, เวียดนาม, เมือง เว้, เมืองมรดกโลก, ไปเวียดนามเที่ยวไหนดี, ที่เที่ยวใหม่ๆ, ประเทศเวียดนาม, อาเซียน, AEC, สถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียน, ประชาคมอาเซียน, ต้อนรับ AEC, สถานที่ท่องเที่ยว, เที่ยวไหนดี, เที่ยวเวียดนาม, เวียดนาม, เมือง เว้, เมืองมรดกโลก, ไปเวียดนามเที่ยวไหนดี, ที่เที่ยวใหม่ๆ, ประเทศเวียดนาม, อาเซียน, AEC, สถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียน, ประชาคมอาเซียน, ต้อนรับ AEC


 
ดวง / ฮวงจุ้ย
เบญจเพส หรือ วัยเบญจเพส เลขอายุที่ทุกคนเกรง 24 25 26 รู้แล้วป้องกัน ดีกว่าแก้ไขตอนที่เกิด ... อ่านต่อ
ตัวเลขเสริมบุคลิกภาพ เสริมเสน่ห์ให้ผู้หญิง ... อ่านต่อ
ตัวเลข 359 นักพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ... อ่านต่อ
ดูดวง / ฮวงจุ้ย
ทายนิสัย จากลายมือการเขียนตัวเลข ... BY : หมอเมท ... อ่านต่อ
คาถาทวงหนี้ คาถาอีกาวิดน้ำ ใช้สำหรับคนยืมเงินแล้วไม่คืนหรือของหาย ... อ่านต่อ
ตากระตุก ตาเขม่น ลางสังหรณ์ที่บ่งบอกเรื่องราวอะไร? ... อ่านต่อ
 

 


 


 


 


 


 


 


 


 


 

หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย

бишкек эскорт

 

Copyright @2014 Horonumber.com All rights reserved.