ภาพถ่ายจากดาวเทียมขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) เผยธารน้ำแข็งไพน์ไอส์แลนด์และภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2013 ที่ผ่านมา
งานวิจัยใหม่เผยธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ในแอนตาร์กติกาที่มีผลต่อระดับน้ำทะเลมากที่สุด ลดลงถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ และภายในไม่กี่สิบปีอาจจะทำให้แผ่นน้ำแข็งฝั่งตะวันตกพังทลาย ส่งผลกระทบเป็นโดมิโน และอาจทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น
ธารน้ำแข็งดังกล่าวคือธารน้ำแข็งไฟน์ไอส์แลนด์ (Pine Island Glacier) ที่มีปริมาณน้ำแข็งคิดเป็น 20% ของพืดน้ำแข็งเวสต์แอนตาร์กติก (West Antarctic Ice Sheet) ทางฝั่งตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งพืดน้ำแข็งดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ราว 2 ล้านตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 10% ของน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาทั้งหมด
ไม่ใช่แค่ไหญ่มหึมาแต่ไลฟไซน์ระบุด้วยว่า ธารน้ำแข็งดังกล่าวยังมีความเสถียรน้อยที่สุดในแผ่นน้ำแข็งเวสต์แอนตาร์กติก โดยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาไฟน์ไอส์แลนด์มีอัตราการละลายเร่งสูงขึ้น สัมพันธ์กับกระแสน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นและซึมเข้าใต้ฐานธารน้ำแข็ง และเร่งให้น้ำแข็งไหลลงสู่ทะเล
เมื่อเลื่อนสู่มหาสมุทร หิ้งน้ำแข็ง (ice shelf) ของธารน้ำแข็งส่วนที่ลอยอยู่บนน้ำขยายไปตามฐานธารน้ำแข็งจะสลายตัวผ่านกระบวนการตามธรรมชาติที่เรียกว่า “การหลุดตัว” (calving) ทำให้ธารน้ำแข็งสัมผัสน้ำที่ร้อนได้มากขึ้น และเมื่อปีที่ผ่านมาภูเขาน้ำแข็ง (iceberg) ที่มีขนาดใหญ่กว่าเมืองของชิคาโก ในสหรัฐฯ ได้แตกออกสู่ทะเลอามุนด์เซน (Amundsen Sea)
ทั้งนี้ นักวิจัยจำนวนมากเชื่อว่าการละลายของน้ำแข็งขนาดเท่าธารน้ำแข็งไพน์ไอส์แลนด์ น่าจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปยังธารน้ำแข็งรอบๆ และท้ายที่สุดในอีกหลายปีข้างหน้าจะทำให้ผืนน้ำแข็งทั้งหมดแตกสลาย ซึ่งอาจจะเพิ่มระดับน้ำทะเลเฉลี่ยระหว่าง 3-5 เมตร
ที่มา : http://www.postjung.com/
นาซา, น้ำแข็ง, ขั้วโลก, ละลาย, แอนตาร์กติกา, สหรัฐ, ธารน้ำแข็ง, ผลกระทบ, พังทลาย, ลดลง, นาซา, น้ำแข็ง, ขั้วโลก, ละลาย, แอนตาร์กติกา, สหรัฐ, ธารน้ำแข็ง, ผลกระทบ, พังทลาย, ลดลง, นาซา, น้ำแข็ง, ขั้วโลก, ละลาย, แอนตาร์กติกา, สหรัฐ, ธารน้ำแข็ง, ผลกระทบ, พังทลาย, ลดลง