ลูกตามหาพ่อหายตัวในไทย พบพิรุธกดเงิน 7 แสน

          มีข่าวฉาวกันอีกแล้วนะคะ ประเทศสยามเมืองแสยะยิ้ม คราวนี้เป็นชาวญี่ปุ่นค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า มีชายชาวญี่ปุ่นคนนึงมาเมืองไทย มาสอนภาษาแล้วหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่พบพิรุธ ว่ามีคนเอาบัตรบัตรเอทีเอ็มของลุงยุ่นคนนั้นไปกดกว่า 7 แสนบาทเลยเชียว

          เนื้อข่าวว่า ตาลุงคนที่หายตัวไปชื่อ โยชิโนริ เทะซึโอะ อายุ 79 ปี มาอยู่เมืองไทยและได้หายตัวไป ทางครอบครัวคงไม่ได้รับการติดต่ออะนะคะ ลูกชายของเค้าที่ชื่อ ชิมาโตะ เทะซึโอะ จึงได้ได้เข้าแจ้งความและออกตามหาพ่อ พร้อมทั้งขอตรวจดีเอ็นเอ เพื่อจะเอาไปเปรียบเทียบกับศพผู้เสียชีวิตนิรนามชาวต่างชาติเมื่อเดือนที่ผ่านมา

           โดยลูกเค้าได้เล่าว่า คุณพ่อได้เดินทางมาสอนภาษาในประเทศไทย จากนั้นได้หายตัวไปและไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เบื้องต้นตนได้ตรวจภาพถ่ายศพชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่พบเบาะแส แพทย์จึงแจ้งว่าศพที่ยังไม่สามารถระบุได้ด้วยภาพถ่ายนั้น จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลประมาณ 1 เดือน จึงจะแจ้งผลให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนได้ไปแจ้งความคนหายไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา

          ด้านเจ้าหน้าที่บอกว่า ได้ตรวจสอบธุรกรรมการเงินของนายโยชิโนริแล้วพบว่า เงินสดถูกถอนออกไปจากธนาคารถึง 14 ครั้ง ทั้งใน กทม. และในปริมณฑลตลอด 2 สัปดาห์ รวมเป็นเงินกว่า 7 แสนบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบห้องพักของนายโยชิโนริที่เคยเข้าพักตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าพบหญิงวัยกลางคนชื่อ นางพรชนก อายุ 47 ปี อยู่ในห้องดังกล่าวพร้อมทั้งกำลังเก็บทรัพย์สินใส่ในกระเป๋าลักษณะมีพิรุธ

          ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญนางพรชนกมาให้การที่สถานีตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบพิรุธว่านางพรชนกใส่วิกผมปลอม เหมือนมีเจตนาต้องการอำพรางตัว อีกทั้งสอบสวนนางพรชนกให้การว่า คบหานายโยชิโนริในฐานะเพื่อน พบกันบ้างในบางครั้ง และนายโยชิโนริได้ฝากบัตรเอทีเอ็มเอาไว้ ส่วนการหายตัวไปนั้นตนไม่ทราบสาเหตุ เพราะไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ 21 กันยายนที่ผ่านมา

          เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหานางพรชนกในข้อหาลักทรัพย์และรับของโจร เนื่องจากนางพรชนกเอาบัตรเอทีเอ็มของนายโยชิโนริไปกดเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังมีภาพจากวงจรปิดยืนยันว่านางพรชนกนำบัตรเอทีเอ็มไปกด

          ส่วนเรื่องเบาะแสว่าลุงแกหายตัวไปยังไงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทราบ แต่ก็ให้เจ้าหน้าที่ออกสืบสวนค้นหาแล้ว และจะมีการประสานผลการตรวจพิสูจน์เทียบอัตลักษณ์บุคคลกับศพนิรนามชาวต่างชาติจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ต่อไป

          อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะคะ ขอให้ทำหน้าที่ที่แท้จริงของตำรวจอย่างเต็มความสามารถเถอะค่ะ อย่าให้คนต่างชาติเค้ามองประเทศไทยในทางลบมากไปกว่านี้เลย ขนาดคนไทยด้วยกันยังมองการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นแบบนั้นเลย อุ๊ย!! อย่าบอกนะว่าคุณๆ ไม่คิด จบข่าวค่ะ แอดมึน

ขอบคุณเนื้อหาจาก : kapook