ตีแผ่ด้านมืด สยามเมืองแสยะยิ้ม ผ่านฆาตกรรมเกาะเต่า

            TIME ตีแผ่ด้านมืดของสังคมไทย สะท้อนผ่านเหตุฆาตกรรมบนเกาะเต่า ชี้เมืองไทยที่งดงามในสายตานักท่องเที่ยว มีหลากหลายภัยร้ายที่ซ่อนอยู่

            เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2557 เว็บไซต์ TIME เผยบทความตีแผ่ด้านมืดของสังคมไทยที่สะท้อนผ่านเหตุฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ชี้เมืองไทยที่เป็นเมืองงดงามน่ามาเยือน ยังมีหลากหลายภัยร้ายแฝงตัวอยู่ พร้อมวิจารณ์ตำรวจไทยสืบสวนคดีแบบหว่านแห พุ่งเป้าฆาตกรไปที่คนต่างด้าวหรือต่างชาติมากกว่าคนไทย ด้วยความเชื่อที่ฝังแน่นว่าคนไทยไม่ทำเรื่องแบบนี้

            โดย TIME ได้เท้าความไปตั้งแต่ต้นว่า เหตุฆาตกรรมบนเกาะเต่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ทำความสะอาดชายหาด ได้พบศพ เดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี และฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี สองนักท่องเที่ยวอังกฤษ ในสภาพเปลือยเปล่า ถูกทิ้งอยู่ห่างกันราว 20 เมตร บริเวณใกล้เคียงพบจอบเปื้อนเลือดที่ปกติพนักงานบาร์ริมหาดมักใช้ขุดหลุมไฟ และไม้กระบองตกอยู่ ซึ่งถูกยืนยันแล้วว่าเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ และชี้ให้เห็นว่ามีคนร้ายอย่างน้อย 2 คน ขณะที่จากการชันสูตรศพของทั้งคู่ พบว่าฮันนาห์เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายอย่างหนักบริเวณศีรษะ ส่วนเดวิดนั้นเสียชีวิตจากการถูกของแข็งฟาดที่ศีรษะและจากการจมน้ำ และถึงแม้ว่าจะมีร่องรอยการข่มขืนชัดเจน แต่ในทีแรกทีมสืบสวนกลับไม่ยืนยันว่าฮันนาห์ถูกข่มขืนจริงหรือไม่

            แต่เมื่อการสืบสวนคดีได้เริ่มต้นขึ้น ตำรวจไทยกลับพุ่งเป้าฆาตกรไปที่แรงงานต่างด้าวชาวพม่า ซึ่งนายพอล กวาลยา นักวิเคราะห์ความเสี่ยงที่มีสำนักงานในกรุงเทพฯ ได้เปิดเผยว่า คนกลุ่มนี้เป็นที่โปรดปรานของตำรวจมาก เวลาเกิดเหตุร้ายใด ๆ ตำรวจจะพุ่งเป้าไปที่ตัวพวกเขาทันที ด้วยความเชื่อฝังรากลึกไม่เคยเปลี่ยนที่ว่า "คนไทยไม่ทำเรื่องแบบนี้" ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตำรวจไทยจะเริ่มตรวจดีเอ็นเอจากกลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นอันดับแรก แต่เมื่อพบว่าดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุไม่ตรงกับแรงงานต่าวด้าวคนไหนเลย ตำรวจก็ยังไม่พุ่งเป้าไปที่คนไทยในพื้นที่ ยังคงเบนเข็มไปที่ชาวต่างชาติ อย่างเพื่อนร่วมห้องพักของนายเดวิด มิลเลอร์ ด้วยข้อสงสัยที่ว่าอาจก่อคดีจากความหึงหวง แต่แล้วผลก็ปรากฏออกมาว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้เดินทางออกจากเกาะเต่าตั้งแต่ก่อนคืนวันเกิดเหตุ  

            เมื่อเป็นเช่นนั้นตำรวจจึงมุ่งเป้าไปที่คนในพื้นที่ 2 ราย หลังจากที่นายฌอน แมคแอนนา เพื่อนชาวสกอตของเดวิดที่เล่นกีตาร์สร้างความบันเทิงอยู่บนเกาะเต่า ได้ถ่ายรูปชาย 2 รายเอาไว้แล้วเปิดเผยว่า เขาเห็นชาย 2 รายนี้ ยุ่งย่ามกับฮันนาห์ในคืนก่อนเกิดเหตุ และหลังจากเกิดเหตุ ตัวเขาเองก็ถูกชาย 2 ราย ขู่ฆ่า ถ้าหากไม่ยอมผูกคอตายให้ตำรวจเข้าใจว่าเขาคือฆาตกรด้วย ทำให้เขาต้องหนีออกมาจากเกาะเต่าในที่สุด

            หลังจากแจ้งเบาะแสดังกล่าวแล้ว ตำรวจก็นำตัวชายทั้ง 2 รายมาสอบปากคำ แต่แล้วกลับถูกปล่อยตัวไปทั้ง ๆ ที่พวกเขาปฏิเสธที่จะตรวจดีเอ็นเอยืนยันความบริสุทธิ์

            จากเหตุฆาตกรรมบนเกาะเต่าครั้งล่าสุดนี้ สะท้อนให้เห็นมุมมืดที่ซ่อนอยู่ใต้ความงดงามของชายหาดและท้องทะเล สถานที่งดงามแห่งนี้ได้ซ่อนปัญหายาเสพติด การข่มขืน การทำร้ายร่างกาย และอาชญากรรมต่าง ๆ เอาไว้ 

            ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึงปีละมากกว่า 20 ล้านคน เสน่ห์ของประเทศไทยก็คือหาดทรายขาว วัดวาอารามที่งดงาม และอาหารที่มีให้เลือกทานอย่างหลากหลาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้วันหยุดพักผ่อนที่เมืองไทยอย่างสนุกสนานและปลอดภัย แต่บางคนกลับไม่โชคดีอย่างนั้น พวกเขาต้องเจอกับฝันร้ายหลายรูปแบบ อย่างในพัทยาซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวต่างชาติ กลับเป็นเมืองที่มีปัญหาฉกชิงวิ่่งราว ยิงกัน ตีรันฟันแทง อุบัติเหตุบนท้องถนน คนจมน้ำ และเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ขณะที่เกาะพงันก็มีปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืน ซึ่งหลายคนก็เลือกที่จะไม่แจ้งตำรวจ

            จากปัญหาดังกล่าว TIME ยังคงหยิบยกคำพูดเดิมของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คิดเห็นต่อกรณีการใส่บิกินี่ของนักท่องเที่ยว ขึ้นมาตีแผ่เพื่อสะท้อนให้เห็นอีกหนึ่งความคิดที่ฝังแน่นในสังคมไทย โดยสื่อว่าขณะที่บ้านเมืองมีคดีล่วงละเมิดหรือข่มขืนนักท่องเที่ยวดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่พลเอกประยุทธ์กับชี้ว่าพฤติกรรมของเหยื่อเป็นปัจจัยที่นำมาซึ่งปัญหาเหล่านี้ แทนที่จะพยายามแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยในพื้นที่ ความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว 

ที่มา : kapook