รีวิว Uber : แท็กซี่เลอค่าที่มนุษย์กรุงเทพรอมานาน

          เชื่อว่าทุกคนเคยเจอประสบการณ์แย่ๆ กับแท็กซี่กรุงเทพบางคัน ไม่ว่าจะเป็นไม่ยอมรับคนไทย, โดนไล่ลง, คุยการเมือง, เปิดเพลงดัง, พูดจาลวนลาม, รถเหม็น หรือขับโชว์ฝีมือมุดช่องอย่างกับกำลังหนีตำรวจใน Need for Speed แต่ด้วยความที่ก่อนหน้านี้มันไม่มีทางเลือก ถึงเกลียดก็ต้องทนใช้ไป

          ผมก็เช่นกัน จนมาลองใช้ Uber บริการจาก tech startup อันโด่งดังจาก San Francisco ที่พลิกโฉมการเรียกแท็กซี่ในเมืองใหญ่มาแล้วทั่วโลก และตอนนี้มาถึงกรุงเทพแล้ว

          หลังจากได้ลองนั่งฟรีครั้งแรกในกรุงเทพไปตั้งแต่ตอนเปิดตัวช่วงต้นเดือนมีนาคม จนถึงวันนี้ผมยังใช้บริการ Uber เฉลี่ยเดือนละ 4-5 ครั้ง

          First Impression สำคัญเสมอ ถ้าใครได้ลองใช้บริการ Uber ก็มักจะชอบเลยตั้งแต่ครั้งแรก หลายคนชอบเพราะมันปลอดภัย, เพราะมันอีไล้ elite , เพราะรถคันใหญ่, เพราะคนขับพูดจาไพเราะ, เพราะเป็นทาสทุนนิยม หรืออะไรก็ว่าไป

          สำหรับผม Uber มันให้ความรู้สึกเหมือนมีคนขับรถส่วนตัว มากกว่าที่จะเป็นแท็กซี่  ผมชอบที่มันง่าย ไม่ต้องออกไปโบก ไม่ต้องต่อรอง ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องพกเงิน ขั้นตอนใช้งานมันดูลื่นไหล มีมือถือเครื่องเดียวจบ

          แค่เรามีแอปบน iOS หรือ Android, สมัครสมาชิก, กรอกเลขบัตรเครดิต แล้วก็เรียกใช้ได้เลย

          ใช้ได้ตลอด 24 ชม. เหมาะมากสำหรับคนที่เที่ยวกลางคืน เวลาผับเลิก เพราะปลอดภัยสุดๆ และไม่ต้องไปทะเลาะกับแท็กซี่หน้าผับที่ดึกๆ แล้วชอบคิดราคาเหมา

          ปกติแล้วผมจะเรียกรถจากบ้าน-เข้าไปในเมือง หรือไม่ก็กลับกัน ถ้าตามแผนที่แล้วแถวรามอินทรายังอยู่นอกเขตให้บริการ แต่ก็เรียกได้ตามปกติ รอไม่เคยเกิน 25 นาที หรือถ้าเรียกจากในเมืองก็ประมาณ 5 นาที

          แอปจะโชว์รถที่พร้อมให้บริการเราแบบ realtime เมื่อกดเรียกแล้วเราก็จะรู้ชื่อคนขับ ทะเบียน และรุ่นของรถที่จะมารับเรา พร้อมกับคะแนนรีวิวคนขับ จากลูกค้าที่เคยใช้บริการ

เรียกจากในเมือง

เรียกจากนอกเมือง

โชว์ข้อมูลคนขับ, รุ่นรถ, คะแนนรีวิว, และเวลาที่ต้องรอรถ

          ในกรุงเทพจะใช้รถ Toyota Camry เป็นส่วนใหญ่ มี Merc E-Class กับ Honda Accord ผสมบ้างประปราย เรียกว่า UberBlack (แต่รถไม่ได้สีดำนะ เค้าบอกกรุงเทพ Limo สีดำหายาก ฮา) ถือว่าเป็นบริการเกรดบนของ Uber

          สำหรับในบางเมืองที่ทำตลาดมานานแล้ว จะมี UberX ที่ใช้รถขนาดกลาง และราคาถูกกว่าด้วย

          พอรถมาถึง แอปจะแจ้งเตือนให้รู้ เราไม่จำเป็นต้องไปยืนรอข้างถนนให้ร้อนแต่อย่างใด โดยส่วนใหญ่แล้วคนขับจะลงมาเปิดประตูให้ แต่ผมชอบชิงเปิดขึ้นไปนั่งเองมากกว่า รอเค้ามาเปิดให้แล้วรู้สึกแปลกๆ 

          เมื่อขึ้นรถจะได้น้ำขวดเล็ก กับผ้าเย็น แล้วคนขับก็จะกดเริ่มเดินทางบน iPad mini ที่ใช้เป็นมิเตอร์ แน่นอนว่าคนขับจะบริการเราอย่างสุภาพ เหมือนนั่งรถผู้บริหาร

          เมื่อถึงที่หมาย เราก็ลงจากรถได้เลย ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินสดอะไรทั้งนั้น (ไม่ต้องทิปด้วย) ไม่มีเงินติดตัวซักบาทก็นั่งได้ ระบบจะตัดเงินจากบัตรเครดิตที่ให้ไว้ตั้งแต่แรกเอง และเราจะได้ใบเสร็จที่บอกรายละเอียดการเดินทางทั้งหมดทางอีเมล

          ค่าบริการของ UberBlack อยู่ที่  ฿45 + ฿2.50/Min + ฿9.20/Km  หรือกะคร่าวๆ ว่าค่าแท็กซี่ปกติ +75% เช่นเคยนั่งแท็กซี่เส้นทางนี้ ฿100 ถ้าเป็น Uber จะประมาณ ฿175

          เราสามารถให้ดาว (1-5) เพื่อประเมินการให้บริการได้ด้วย คนขับที่ได้คะแนนน้อย หรือมีปัญหาจะถูกปลดออกจากระบบของ Uber เพื่อรักษามาตรฐานให้ดีอยู่ตลอด

          ความลับ(?) คือหลังจากที่เราลงไปแล้ว คนขับจะให้ดาวเราด้วยเหมือนกัน! ผู้ใช้บริการที่มีปัญหามากๆ ก็จะถูกแบนไม่ให้ใช้บริการ Uber เช่นกัน (แต่คิดว่าน่าจะไม่เคยมีใครโดนนะ) เพื่อรักษาประสบการณ์การใช้งานที่ดีของทั้งผู้ใช้ และผู้ให้บริการ

          ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือเช่นลืมของไว้บนรถ หรือคิดว่าค่าโดยสารไม่แฟร์เพราะคนขับพาหลง ขับอ้อมอย่างไร้เหตุผล ก็กดแจ้งได้เลย เพราะรายละเอียดการเดินทางทั้งหมดถูกบันทึกไว้อยู่แล้ว ทาง Uber สามารถตรวจสอบย้อนหลัง และสามารถแก้ไขให้แฟร์กับลูกค้าที่สุด

          หลังจากที่เคยไปฟังคุณ Tiger Fang (Expansion Manager ประจำกรุงเทพ) และคุยกับคนขับ Uber มาหลายคน ได้รู้อะไรเพิ่มหลายอย่างดังนี้

          แอปเดียวใช้ได้ทุกเมืองที่มี Uber ไม่ว่าเราจะเรียกที่ San Francisco/Munich/Dubai/Seoul ก็กดเรียกเหมือนที่เคยทำในกรุงเทพ มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา, เรื่องโดนฟันหัวแบะ, เรื่องความปลอดภัย หรือการคิดราคาแปลกๆ เช่นแท็กซี่บางประเทศจำเป็นต้องทิปเสมอ หรือถ้ามีกระเป๋าเดินทางต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าเป็น Uber ก็คิดแค่ค่าบริการเริ่มต้น+ระยะทาง+เวลา ไม่มีเก็บยิบย่อยให้ตกใจ และตัดเงินจากบัตรใบเดิมที่เราใส่ไว้ได้เลย

          รถ UberBlack ในกรุงเทพคือรถ Limousine ป้ายเขียว ที่วิ่งรับส่งลูกค้าโรงแรม/สนามบินนั่นเอง
เป้าหมายที่ Uber ตั้งไว้คือเรียกรถจากที่ไหนก็ได้ภายใน 5 นาที ตอนนี้ในเขตเมืองก็น่าจะเข้าเป้าแล้ว มีรถจอด standby 24 ชม.

          Uber ไม่มีรถเป็นของตัวเอง แม้แต่คันเดียว แต่จะใช้วิธีเข้าไปทำสัญญากับบริษัทรถ Limousine หรือเปิดให้คนที่มีรถและใบอนุญาตขับ Limousine ป้ายเขียว เข้าสมัครมาเป็นคนขับอิสระ วิธีการนี้ทำให้ขยายไปเมืองใหม่ๆ ได้ไว และไม่ต้องมีปัญหากับการขออนุญาตให้บริการจากรัฐ

          บริษัทรถ Limo ชอบ Uber มาก เพราะส่วนใหญ่รถจะว่าง จอดรอลูกค้าตามโรงแรม ตอนนี้พอรถว่างก็เอาไปให้บริการ Uber รับรายได้อีกทาง ยิ่งช่วงนี้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยน้อยมาก ธุรกิจท่องเที่ยวเงียบเหงาสุดๆ

          คนขับอิสระจะได้ส่วนแบ่งจากค่าโดยสาร เข้าใจว่า Uber แบ่งให้แต่ละเจ้าไม่เท่ากัน มีทั้ง 20-100% (ไม่รู้คนขับแกโม้ป่าวนะ)
คนขับสังกัดบริษัท Limo ได้ ฿1000-1500 ต่อกะ

          ตอนนี้ในกรุงเทพ มีคนขับอิสระ (ไม่ได้สังกัดบริษัท Limo) ประมาณ 2-3 คัน

          คนขับอิสระรายได้ดีมาก ขั้นต่ำเดือนละ ฿40000+ อยากทำเมื่อไหร่ก็ขึ้นรถ เปิดแอพพร้อมรับงาน วันไหนไม่อยากทำก็ได้

          คนขับส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับสื่อสารรู้เรื่องถึงดี เหมาะกับการเรียกให้เพื่อน หรือเจ้านายชาวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง

          คนไทยชอบเรียกแล้วไปยืนรอริมถนนเหมือนเรียกแท็กซี่ปกติ พอขึ้นรถแล้วไปเหวี่ยงคนขับ เพราะยืนรอรถร้อนเหงื่อแตก แต่ความจริงแล้ว เรารอรถมาถึงก่อนค่อยออกไปก็ได้ คนขับเค้าจอดรอเราได้อีกประมาณ 15 นาที ไม่ต้องกลัว

          ถึงในกรุงเทพ Uber จะไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของแท็กซี่ แต่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ  ในราคาพอๆ กับกาแฟ Starbucks แก้วนึง แลกมาด้วยความปลอดภัย กับคุณภาพบริการที่คาดหวังได้ว่ามันจะอยู่ในเกณฑ์ดีแน่นอน

          ใครอยากลอง สมัครตอนนี้เรามี code นั่งฟรีทริปแรก 300 บาทแจกนะจ๊ะ ตามลิ้งค์นี้เลย
          Uber.com/invite/ubermamuang 

ที่มา : blog.mng.name