ข่าวดี! ของชาวโลก "ชั้นโอโซน" กำลังฟื้นตัว

            ข่าวดีจาก WMO ชั้นโอโซนของโลก กำลังฟื้นตัว หลังความพยายามปกป้องมานานหลายปี ชั้นโอโซนของโลกเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
 
            นับเป็นครั้งแรกหลังจากความพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาชั้นโอโซนเอาไว้ ตามรายงานของ WMO พบว่า เริ่มมีการฟื้นตัวของปริมาณแก๊สโอโซนในชั้นบรรยากาศตราโตสเฟียร์  ที่ระดับความสูง 30-50 กิโลเมตรจากผิวโลก ซึ่งถือเป็นข่าวดี เพราะในบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกหลายชั้นนั้น บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์นับว่าเป็นชั้นที่มีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกมากที่สุด เนื่องจากแก้สโอโซนในชั้นบรรยากาศนี้ ทำหน้าที่กรองรังสีอุลตราไวโอเลต (UV) รังสี X และรังสีแกมมา ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆเอาไว้ และยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิของโลกอบอุ่นขึ้นอีกด้วยค่ะ 
 
            ถือเป็นความสำเร็จของสนธิสัญญามอนทรีออล (Montreal Protocol) ที่ทำให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกเริ่มพร้อมใจกันลดการปล่อยแก้สเรือนกระจก ซึ่งมีผลไปทำลายชั้นโอโซนที่มีคุณค่า เมื่อปริมาณแก๊สเรือนกระจกลดลง แก๊สโอโซนในชั้นบรรยากาศก็จะค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆโดยอัตโนมัติ
 
            ในระยะยาว จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนังทั่วโลกจากรังสี UV จะเริ่มลดลง รวมทั้งโรคที่เกิดกับดวงตา และนอกจากมนุษย์ เหล่าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก็จะได้รับผลดีไปด้วย

            เนื้อหาหลักๆของสนธิสัญญามอนทรีออล คือเรียกร้องให้มีการเลิกหรือลดการใช้สารเคมีที่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ อาทิ สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC หรือ Chlorofluorocarbons) เเละ สารฮาลอน (halons) ที่เคยใช้ในเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น กระป๋องสเปรย์ โฟมกันความร้อนและสารดับเพลิง ซึ่งสารเหล่านี้เป็นตัวทำลายชั้นโอโซยโดยตรง

            ระยะหลัง ทั่วโลกเปลี่ยนไปใช้สารแคมีทดแทน คือ ไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs หรือ Hhydrofluorocarbons) ซึ่งแม้สารนี้จะไม่ทำลายโอโซนแต่ก็เป็นสารก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกเช่นกัน เพียงแต่มีผลต่ำกว่าสาร CFC ดั้งเดิม นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมชั้นโอโซนจึงเริ่มฟื้นตัว และน่าจะยังเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ หากการรณรงค์ได้ผล และทุกประเทศปฏิบัติตามสนธิสัญญามอนทรีออลกันอย่างจริงจัง

            แต่ก็ไม่มีสารเคมีอะไรที่ดีถาวร เพราะจากการวิจัย ก็ยังพบผลเสียของสาร HCFCs  ในระยะยาว คือต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งอาจจะรุนแรงขึ้นได้หากมีการใช้ในปริมาณมาก เพราะจากการตรวจสอบล่าสุด สารทดแทน  HCFCs นี้เพิ่มเข้าสู่บรรยากาศโลกราว 7% ต่อปี ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเร็วมาก ถ้าเป็นแบบนี้ เราต้องรับมือกับความเลวร้ายจากภาวะโลกร้อนแทนปัญหาจากรูโหว่ของโอโซนในอนาคตอันใกล้

            อย่างไรก็ตาม จากความสำเร็จในเรื่องปกป้องชั้นโอโซนนี้ แม้จะเป็นแค่ชั้นแรกๆ แต่ WMO หรือองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ก็ยกย่องความร่วมมือในครั้งนี้จากประเทศสมาชิก ซึ่งทุกประเทศมีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จในการกอบกู้ชั้นบรรยากาศโอโซนเอาไว้ แต่ในชั้นต่อไป ปัญหาถัดไป คือเรื่องโลกร้อน WMO ก็หวังจะได้รับความร่วมมือแบบเดียวกันนี้เช่นกัน

ที่มา: thai-news.today