จบด้วยดี! มรดกเลือด...ธรรมวัฒนะ...

จบด้วยดี! ตระกูลธรรมวัฒนะ

ยอมถอนฟ้องทุกคดีในศาล

       ตระกูลธรรมวัฒนะ ได้มีการดำเนินการถอนฟ้องทุกคดีทั้งทางแพ่ง และอาญาที่มีอยู่ในศาลแล้ว หลังศาลอาญาได้มีการนัดไกล่เกลี่ยตกลงในคดี ปิดตำนวนคดีที่มีการต่อสู้มายาวนานกว่า 14 ปี

       โดยนายปริญญา ธรรมวัฒนะ เปิดเผยว่า ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ต้องขอขอบคุณศาลที่แนะนำให้ทางครอบครัวมาไกล่เกลี่ยคดีกันจนสามารถตกลงกันด้วยดีทั้งสองฝ่าย สำหรับคดีความเกิดขึ้นตั้งแต่นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ พี่ชาย เสียชีวิต ก็เกิดคดีความฟ้องร้องกันขึ้นในครอบครัว รวมถึงคดีที่ฟ้องร้องกับนายนพดล ธรรมวัฒนะ พี่ชายด้วย รวมทั้งสิ้น 48 คดี สามารถตกลงและไกล่เกลี่ยกันได้ทั้งหมด

       ขณะที่นางนฤมล ธรรมวัฒนะ เผยว่า ขอให้คดีของครอบครัวตระกูลธรรมวัฒนะเป็นตัวอย่าง เมื่อพี่น้องมีปัญหาต้องหันหน้าคุยกันและหาทางแก้ไข เพื่อให้ความบอบช้ำและความเสียหายเบาบางลง ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้นเช่นนี้

 

 

ย้อนรอยคดีมรดกเลือด "ธรรมวัฒนะ"

 

นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ

 

นายนพดล ธรรมวัฒนะ


       หากพูดถึงคดีที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน และน่าติดตามยิ่งกว่าภาพยนตร์ไตรภาคฟอร์มยักษ์ เรื่องราวของการพลิกปมการเสียชีวิตของ“นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ” อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชากรไทย ที่ถูกนำไปโยงกับมรดกเลือดของตระกูล “ ธรรมวัฒนะ” นับได้ว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของมหาชนชาวไทยมาโดยตลอดเป็นระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
       
       จุดเริ่มของคดีนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2542 เวลา 03.35 น. เกิดเสียงปืนดังกึกก้องขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของ “บ้านธรรมวัฒนะ” เมื่อทุกคนไปถึง ก็พบร่างไร้วิญญาณของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ เสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้สีเขียวตัวโปรด สภาพแรกที่พบศพ “ห้างทอง” อยู่บนเก้าอี้ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน ศีรษะแหงนไปด้านหลังพิงพนักเก้าอี้ ศีรษะมีรอยกระสุน อาวุธปืนรีวอลเวอร์ .38 ตกอยู่ที่หน้าตัก แขนตกห้อยอยู่ข้างตัว
       
       ที่จริงแล้ว “ห้างทอง” ไม่ใช่ศพแรก แต่เป็นศพที่ 4 ที่สังเวยมรดกเลือดของตระกูลนี้ หลังจากปฐมบทการละเลงเลือดเริ่มขึ้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2525 นางสาว กุสุมา ธรรมวัฒนะ น้องสาวของห้างทอง ถูกลอบยิงเสียชีวิต ต่อมา เมื่อ 6 พฤษภาคม 2533 นางนัยนา ตามประกอบ น้องคนที่ 6 ถูกอุ้มไปฆ่าอย่างทารุณ ถัดมาเป็นคิวของ “ผู้ใหญ่แดง” เทอดชัย ธรรมวัฒนะ พี่ชายคนโตของตระกูล ที่ถูกอุ้มหายไป ในวันที่ 25 สิงหาคม 2534 ส่วนทายาทกองมรดก “ ธรรมวัฒนะ” ที่หลงเหลือทุกคน ต่างภาวนาให้ “ห้างทอง” เป็นศพสุดท้าย และขอให้ฆาตกรในเงามืดปิดฉากการฆ่าลงเสียที
       
       คดี “ห้างทอง” น่าจะปิดฉากได้โดยสมบูรณ์ไปแล้ว เมื่อทีมสืบสวนการตายชุดแรกภายใต้การควบคุมดูแลของพล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ปิดสำนวนลง โดยสรุปว่าเป็น “เป็นการกระทำอัตวินิบาตกรรม” หรือการฆ่าตัวตาย
       
       เรื่องราวมรดกเลือด “ธรรมวัฒนะ” เริ่มเลือนหายไปจากความสนใจของผู้คน แต่แล้วคดีก็ถูกรื้อออกมาเพื่อพิสูจน์หาความจริงอีกครั้ง เมื่อนางนฤมล มังกรพาณิชย์ น้องสาวนายห้างทอง ต้องการจะขอพระราชทานเพลิงศพให้พี่ชาย แต่ในกรณีการฆ่าตัวตาย จะไม่สามารถดำเนินการได้ นางนฤมลจึงได้ขอให้ ดร.เอเดรียน แม็ททิว ทอนตัน ลินาเคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดีเอ็นเอทางคราบเลือด จากประเทศอังกฤษ ตรวจสอบภาพถ่ายสภาพศพของนายห้างทองก่อนมีการเคลื่อนย้าย ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้ลงความเห็นอย่างชัดเจนว่า “ห้างทอง” ถูกฆาตกรรม
       
       ถึงตอนนั้นกระแสสังคมเริ่มหันกลับมามองคดีนี้อีกครั้ง คณะกรรมการสืบสวนกรณีการตายของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ถูกตั้งขึ้น โดยมีคีย์แมนสำคัญคือ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบปราม ในขณะนั้น และแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ การผ่าพิสูจน์ศพเป็นครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2547 โดยทีมแพทย์ชุดผ่าพิสูจน์ สรุปความเห็นว่าพบพิรุธหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การกระเซ็นของหยดเลือด การตกของอาวุธปืน พฤติการณ์ของนายห้างทองก่อนตาย พฤติการณ์การเก็บหลักฐานของชุดสอบสวนชุดเก่า การเร่งปิดสำนวนคดี เศษอาหารที่หลงเหลืออยู่ในกระเพาะ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดทำให้เชื่อว่า การตายของ “ห้างทอง” มีเงื่อนงำ และคนที่ถูกจ้องสงสัยมากที่สุดก็คือบุคคลที่อยู่กับ "ห้างทอง” เป็นคนสุดท้าย นายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชายร่วมสายโลหิตเดียวกัน ที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพี่ชายของตัวเองนั้น เครียดจนกระทั่งลงมือปลิดชีวิตตัวเอง
       
       การสืบสวนดำเนินต่อไปจนในที่สุด วันที่ 31 ตุลาคม 2546 พล.ต.ต.โกสินทร์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิมพ์คำร้องขออนุมัติหมายจับนายนพดล ธรรมวัฒนะ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวมาสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมนายห้างทอง ท่ามกลางการปฎิเสธเสียงแข็งของเจ้าตัว และความกังขาของมหาชนต่อการสนับสนุนของ “จังหวัด ธรรมวัฒนะ” ลูกชาย “ห้างทอง” เอง ว่าอาตัวเองไม่ได้ฆ่าพ่อ?!? หลังจากนั้นไม่ได้นาน “จังหวัด” ได้ยื่นเรื่องขอถอดนายปริญญา ธรรมวัฒนะ นางนฤมล มังกรพานิช และนางคนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ พี่น้องฝ่ายตรงข้ามนายนภดล จากการเป็นผู้จัดการมรดก และระงับการขอพระราชทานเพลิงศพพ่อบังเกิดเกล้า นอกจากนี้ กรณีการสืบสวนความจริงจากการเสียชีวิตของ "ห้างทอง" ก็เป็นจุดเริ่มของปมขัดแย้งระหว่าง "คุณหญิงพรทิพย์" กับนายนพดล ซึ่งต่อมานายนภดล ได้ยื่นฟ้อง “ คุณหญิงหมอ” ทั้งคดีหมิ่นประมาท และเรื่องจรรยาบรรณแพทย์อีกหลายคดี
       
       ขณะที่นายนพดล ถูกอัยการยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2547 ฐานฆ่านายห้างทอง พี่ชายตนเองโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยในการนำสืบพยานของฝ่ายโจทก์ พนักงานอัยการนำพยานหลายสิบปาก รวมทั้ง ดร.เอเดรียน แม็ททิว ทอนตัน ลินาเคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคราบเลือด แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รวมทั้งนางนฤมล มังกรพาณิชย์ นายปริญญา ธรรมวัฒนะ และนางมัลลิการ์ หลีระพันธ์ ขึ้นเบิกความต่อศาล เพื่อพิสูจน์ความผิดนายนพดล โดยใช้พยานหลักฐานซึ่งเป็นผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก เพื่อชี้ชัดให้ศาลเชื่อว่าการเสียชีวิตของ “ห้างทอง”เกิดขึ้นจากการฆาตกรรม
       
       ฝ่าย “นายนพดล” ก็นำสืบต่อสู้ด้วยวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่นกัน จนนำมาสู่การผ่าพิสูจน์ศพ “ห้างทอง” เป็นรอบที่ 3 ขึ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2549 โดยทีมแพทย์นิติเวชผู้ชำนาญการจากหลากหลายสถาบัน ซึ่งบทสรุปการผ่าพิสูจน์ครั้งนี้คณะแพทย์เห็นว่า การตายของ “ห้างทอง”ไม่ใช่การฆาตกรรม นอกจากนี้จำเลยยังมีพยานปากสำคัญ คือดร.เฮนรี่ ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านคราบเลือดจากประเทศสหรัฐอเมริกา เบิกความหักล้างผลการวิเคราะห์ของดร.เอเดรียน ลินาเคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคราบเลือดจากประเทศอังกฤษอีกด้วย โดยการสืบพยานโจทก์ และจำเลยในคดีนี้ใช้เวลายาวนานกว่า 3 ปี
       
       หลังจากต้องถูกแช่แข็ง เพื่อรอการผ่าพิสูจน์ถึง 3 รอบ ในที่สุดศพ “ห้างทอง” ก็ได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2549 กระทั้ง ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ย.50 โดยพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักแน่นหนาเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง อัยการอุทธรณ์ และเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยให้เหตุผลหลักว่า การผ่าศพพิสูจน์ของนายห้างทอง ของสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การผ่าพิสูจน์ศพของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และความเห็นของดร.เฮนรี่ ลี แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่า จำเลย(นายนพดล) มีความผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษายกฟ้อง
       
       คดีนี้ ยังคงเหลือการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันอีกครั้งในชั้นศาลฎีกา แต่เชื่อว่า ทั้งฝ่ายโจทก์ และจำเลยต่างก็อ่อนล้าเต็มทีแล้ว ข้อสำคัญ ญาติผู้ตายเอง ก็อยากให้ผู้ตายได้ไปสู่สุขคติ จึงเชื่อว่า คดีนี้ น่าจะจบและปิดฉากลงด้วยคำพิพากษาของวศาลอุทธรณ์ก็เพียงพอแล้ว! 

 

 

ที่มา : MThai, manager

บทความที่เกี่ยวข้อง
รื้อคดีฆ่าสาวมัดต้นไม้ในรั้ว มช. เมื่อปี 2548 ... อ่านต่อ
จับได้แล้วมือปืนฆ่าเอ็กซ์ ซัดหมอนิ่ม เมียเอ๊กซ์ เป็นคนจ้างวาน ... อ่านต่อ
พนักงานการรถไฟสารภาพ ตัวเองลงมือฆ่าน้องแก้ม ... อ่านต่อ
ดูดวง / ฮวงจุ้ย
ทายนิสัย จากลายมือการเขียนตัวเลข ... BY : หมอเมท ... อ่านต่อ
คาถาทวงหนี้ คาถาอีกาวิดน้ำ ใช้สำหรับคนยืมเงินแล้วไม่คืนหรือของหาย ... อ่านต่อ
ตากระตุก ตาเขม่น ลางสังหรณ์ที่บ่งบอกเรื่องราวอะไร? ... อ่านต่อ
 

 


 


 


 


 


 


 


 


 


 

หมอดู - ดูดวง - ทำนายเบอร์โทร - ทำนายตัวเลข - หมอเมท - ทศวิวัฒน์ - พยากรณ์เบอร์ - เบอร์มงคล - เลขมงคล - เลขศาสตร์ - หมอดูเบอร์ - จัดเบอร์มงคล - อบรมเรื่องตัวเลข - บทความตัวเลข - เลขรวย

бишкек эскорт

 

Copyright @2014 Horonumber.com All rights reserved.